เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 รศ.ดร.ประวิตร เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมปรับปรุงร่างหลักเกณฑ์การขอมีและเลื่อนวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใหม่ ร่วมกับผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารโรงเรียนทั้งโรงเรียนในเมืองและพื้นที่ห่างไกล ศึกษานิเทศก์ และครู ในวันนี้ ผู้ร่วมประชุมเห็นด้วยกับกรอบแนวคิดของเกณฑ์วิทยฐานะใหม่ที่ ก.ค.ศ.พัฒนาขึ้นมา ว่าสามารถสร้างแรงจูงใจให้ครูในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและจะสามารถนำไปสู่การพัฒนาหน้างานได้จริง ซึ่งตรงตามเจตนารมณ์ของ ก.ค.ศ.ที่ต้องการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนอย่างแท้จริง โดยหลักการที่วางไว้ คือ ลดความซ้ำซ้อนของการประเมิน การประเมินจะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นการประเมินผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด การประเมินจะต้องเห็นผลการปฎิบัติงานของครูที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ของเด็ก และ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนจะรวมไปถึงการคิดวิเคราะห์ให้ทันโลกในศตวรรษที่ 21 และทักษะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในอนาคตด้วย
เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวต่อไปว่า ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตเพื่อให้ ก.ค.ศ.พิจารณา เช่น การลดระยะเวลาการประเมินลงจาก 5 ปี โดยส่วนใหญ่เห็นว่านานเกินไป และไม่กระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจให้มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวควรมีความชัดเจนให้คนที่มีความสามารถสูงหรือทำงานในพื้นที่ที่มีภาวะยากลำบาก หรือ พื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร หรือ ครูที่มีสภาวะการทำงานไม่เหมือนครูปกติ เช่น ครูการศึกษาพิเศษ ครู กศน. หรือ ครูที่ต้องดูแลเด็กพักนอน เป็นต้น โดยควรจะมีหลักเกณฑ์อะไรที่จะมาดูแลครูกลุ่มนี้ นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นควรพิจารณาเรื่องความสามารถการสร้างคุณธรรม จริยธรรมให้เกิดกับเด็กได้ด้วย อย่างไรก็ตามจากการประชุมทำให้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ค่อนข้างมั่นใจในกรอบแนวคิดที่วางไว้ว่าเป็นที่ยอมรับ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ สำนักงาน ก.ค.ศ.จะกลับมาพิจารณาเพื่อพัฒนาการทำงานต่อไป
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก FOCUSNEWS วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563
ติดตามข่าวเพิ่มเติมได้ที่ www.focusnews.in.th