ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 7/2563
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 7/2563 เมื่อวันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563 โดยมีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สำคัญ ดังนี้
1. เห็นชอบ แนวทางการย้ายผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. ตามหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ว 6 ลงวันที่ 22 เมษายน 2563
เนื่องจาก สพฐ. ได้ขอให้ ก.ค.ศ. กำหนดแนวทางแก้ปัญหาการพิจารณาย้าย ผอ.สถานศึกษา สังกัด สพฐ. กรณีที่มีตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาในสถานศึกษาขนาดใหญ่หรือขนาดใหญ่พิเศษว่างหลังจากย้ายครั้งแรกและไม่มีผู้อำนวยการสถานศึกษาในสถานศึกษาขนาดใกล้เคียง ยื่นคำร้องขอย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาในสถานศึกษาขนาดใหญ่ หรือไม่มีผู้อำนวยการสถานศึกษาในสถานศึกษาขนาดใหญ่และขนาดใหญ่พิเศษ ยื่นคำร้องขอย้ายมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาในสถานศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ทั้งในจังหวัดเดียวกันและต่างจังหวัด ซึ่ง ก.ค.ศ. เห็นว่ากรณีดังกล่าวหลักเกณฑ์และวิธีการย้าย กรณีปกติ ไม่ได้กำหนดให้มีการย้ายข้ามขนาดสถานศึกษาเกินกว่า 1 ขนาดที่ตนเองดำรงตำแหน่งอยู่ได้ จึงต้องนำตำแหน่งว่างหลังจากการย้าย ไปดำเนินการ ตามข้อ 1.10 ของวิธีการย้ายกรณีปกติ โดยนำไปใช้บรรจุและแต่งตั้งจากบัญชีผู้ได้รับคัดเลือก ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ว 6/2563) ที่ต้องการให้ผู้บริหารสถานศึกษาได้มีการสั่งสมประสบการณ์เป็นลำดับ
ดังนั้น เพื่อประโยชน์ของราชการ ก.ค.ศ. จึงเห็นว่า วิธีการย้ายกรณีปกติ ข้อ 1.9 ที่ระบุว่า “ตำแหน่งว่างที่เกิดขึ้นภายหลังจากการพิจารณาย้ายเสร็จสิ้น” ให้หมายถึง ตำแหน่งว่างที่เป็นสัดส่วนการย้ายที่เหลือจากการพิจารณาย้ายครั้งแรก รวมทั้งตำแหน่งว่างที่เกิดขึ้นภายหลังการย้ายครั้งแรก ซึ่งยังไม่ได้กำหนดสัดส่วน ให้ดำเนินการดังนี้
1. ให้ กศจ. พิจารณากำหนดสัดส่วนของตำแหน่งว่างที่เกิดขึ้นภายหลังจากการย้ายครั้งแรก เช่น ตำแหน่งว่างที่เกิดจากการเสียชีวิต ลาออก หรือ ย้ายไปจังหวัดอื่น เป็นต้น แล้วนำมารวมกับตำแหน่งว่างที่เป็นสัดส่วนการย้ายที่เหลือจากการพิจารณาย้ายครั้งแรกมาประกาศ
2. ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประกาศตำแหน่งว่างทันทีให้ทราบโดยทั่วกัน โดยวิธีปิดประกาศ ณ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา รวมทั้งประกาศทางเว็บไซต์ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน
3. ให้ผู้ประสงค์ขอย้ายที่ยื่นคำร้องขอย้ายประจำปีไว้ แต่มิได้ระบุชื่อสถานศึกษาที่ว่างภายหลังไว้ ให้ยื่นความประสงค์ขอย้ายไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาดังกล่าวได้ รวมทั้งผู้ที่มิได้ยื่นคำร้องขอย้ายไว้เดิม หากประสงค์จะขอย้ายไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาที่มีตำแหน่งว่างและสถานศึกษาที่ไม่มีตำแหน่งว่าง ก็ให้ยื่นคำร้องขอย้ายเพิ่มเติมได้ โดยคำร้องขอย้ายเพิ่มเติมใดไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติให้ย้าย คำร้องขอย้ายดังกล่าวเป็นอันยกเลิก
4. ให้ดำเนินการย้ายเช่นเดียวกับวิธีการย้ายกรณีปกติ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ข้อ 1.2 – ข้อ 1.8 โดยอนุโลม และมิให้นำระยะเวลาที่กำหนดมาใช้
ทั้งนี้ การพิจารณาย้ายให้พิจารณาตามสัดส่วนการย้าย ตามที่ กศจ. กำหนดไว้
2. เห็นชอบ แนวทางการดำเนินการขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. กรณีไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 13/2556 ประจำปี 2559 เนื่องจาก ก.ค.ศ. ได้พิจารณาคุณสมบัติของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ยื่นคำขอรับการประเมินเพื่อให้มีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 13/2556 ประจำปี 2559 เสร็จสิ้นแล้ว และได้แจ้งผลการพิจารณาให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทราบแล้ว และต่อมา ก.ค.ศ. มีมติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ ก.ค.ศ. พิจารณาและมีมติให้เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน ให้สามารถขอทบทวนในกรณีที่เห็นว่าการพิจารณาของ ก.ค.ศ. คลาดเคลื่อนจากเอกสารหลักฐานที่ได้เสนอไว้เดิม ภายในระยะเวลา 90 วัน นับตั้งแต่วันที่สำนักงาน ก.ค.ศ. แจ้งให้ส่วนราชการทราบ ซึ่งมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ยื่นคำขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. กรณีดังกล่าวเป็นจำนวน 1,933 ราย รวมถึงมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ ก.ค.ศ. พิจารณาว่าเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติจำนวนหนึ่งได้ยื่นฟ้องคดีปกครองด้วยนั้น ก.ค.ศ. พิจารณาเห็นว่า แม้ว่าคำพิพากษาของศาลปกครองจะมีผลเฉพาะกับผู้ฟ้องคดี แต่ก็ควรนำคำพิพากษาของศาลปกครองมาเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทั้งผู้ที่ยื่นคำขอทบทวนฯ แต่มิได้ฟ้องคดีปกครอง และผู้ที่ไม่ได้ยื่นคำขอทบทวนฯ ซึ่งถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับคำขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. กรณีไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 13/2556 ประจำปี พ.ศ. 2559 มีแนวทางที่ชัดเจน รอบคอบ ชอบด้วยกฎหมาย เป็นธรรมกับผู้ขอทบทวนฯ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงได้วิเคราะห์แนวทางการดำเนินการ และข้อดี ข้อเสีย ในเรื่องดังกล่าวให้ ก.ค.ศ. พิจารณา
ก.ค.ศ. จึงมีมติให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ดำเนินการพิจารณาคำขอทบทวนฯ ทุกราย สำหรับรายที่มีการฟ้องศาลปกครองก็ให้นำมาพิจารณาด้วย โดยในประเด็นที่มีการฟ้องคดี อาจต้องรอคำพิพากษาศาลปกครองก่อน ซึ่งจะทำให้สำนักงาน ก.ค.ศ. สามารถดำเนินการพิจารณาคำขอทบทวนฯต่อไปได้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและเป็นประโยชน์ต่อข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ขอทบทวนมติ ก.ค.ศ.
3. อนุมัติการย้ายและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ให้ดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะเดิม ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งใหม่ จำนวน 52 ราย
4. อนุมัติให้บรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ได้รับการคัดเลือกและผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้งฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 76 ราย แยกเป็น ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จำนวน 63 ราย และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จำนวน 13 ราย
5. อนุมัติการย้ายและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ให้ดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะเดิม ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งเดิม และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งใหม่ จำนวน 102 ราย
6. อนุมัติให้บรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ได้รับการคัดเลือกและผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้งฯ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงาคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 209 ราย แยกเป็น ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จำนวน 163 ราย และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จำนวน 46 ราย
7. เห็นชอบ การแต่งตั้งอนุกรรมการผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ. ใน อ.ก.ค.ศ. ส่วนราชการ แทนตำแหน่งที่ว่าง
เนื่องจากผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ. ใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นายอัมพร พินะสา) ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 และอนุกรรมการผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ. ใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานบริหารการศึกษาพิเศษ (นายชาย มะลิลา) ได้เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563
เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนดจึงแต่งตั้ง
1. รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ ตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค 2 รักษาราชการแทนเลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นอนุกรรมการผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ. ใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
2. นางสาวเจริญวรรณ หนูนาค ตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นอนุกรรมการผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ. ใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานบริหารการศึกษาพิเศษ
8. เห็นชอบ แต่งตั้งอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง
เนื่องจากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งว่า มีอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 4 ราย พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากลาออกและเกษียณอายุราชการ จึงได้ดำเนินการสรรหาอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาแทนตำแหน่งที่ว่าง ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนดจึงแต่งตั้งให้ นายอามีน กะดะแซ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส วิทยฐานะผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดเชี่ยวชาญ และนายสุวัฒน์ชัย แสนราช ตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัด สังกัดสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดอุดรธานี เป็นอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง และแต่งตั้งให้นายวรัท พฤกษาทวีกุล ตำแหน่งเลขาธิการ กศน. สังกัดสำนักงาน กศน. และนายธนู ขวัญเดช ตำแหน่งศึกษาธิการภาค 10 รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นอนุกรรมการข้าราชการในสังกัดที่ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ไม่ต่ำกว่าระดับต้น หรือประเภทอำนวยการ ระดับสูง หรือประเภทวิชาการ ไม่ต่ำกว่าระดับเชี่ยวชาญ ใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง
ที่มา สำนักงาน ก.ค.ศ.
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 7/2563 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 โดยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม
- เห็นชอบแนวทางการย้ายผู้อำนวยการสถานศึกษา สพฐ.
ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการย้ายผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ตาม ว6/2563 วิธีการย้ายปกติ ที่ระบุว่า “ตำแหน่งว่างที่เกิดขึ้นภายหลังจากการพิจารณาย้ายเสร็จสิ้น” ให้หมายถึง ตำแหน่งว่างที่เป็นสัดส่วนการย้ายที่เหลือจากการพิจารณาย้ายครั้งแรก รวมทั้งตำแหน่งว่างที่เกิดขึ้นภายหลังการย้ายครั้งแรก ซึ่งยังไม่ได้กำหนดสัดส่วน ให้ดำเนินการดังนี้
- ให้ กศจ. พิจารณากำหนดสัดส่วนของตำแหน่งว่างที่เกิดขึ้นภายหลังจากการย้ายครั้งแรก เช่น เสียชีวิต ลาออก หรือย้ายไปจังหวัดอื่น แล้วนำมารวมกับตำแหน่งว่างที่เป็นสัดส่วนการย้ายที่เหลือจากการพิจารณาย้ายครั้งแรกมาประกาศ
- ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประกาศตำแหน่งว่างทันทีให้ทราบโดยทั่วกัน โดยวิธีปิดประกาศ ณ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) รวมทั้งเว็บไซต์ ไม่น้อยกว่า 15 วัน
- ให้ผู้ประสงค์ขอย้ายที่ยื่นคำร้องขอย้ายประจำปีไว้ แต่มิได้ระบุชื่อสถานศึกษาที่ว่างภายหลังไว้ ให้ยื่นความประสงค์ขอย้ายไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาดังกล่าวได้ รวมทั้งผู้ที่มิได้ยื่นคำร้องขอย้ายไว้เดิม หากประสงค์จะขอย้ายไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาที่มีตำแหน่งว่างและสถานศึกษาที่ไม่มีตำแหน่งว่าง ให้ยื่นคำร้องขอย้ายเพิ่มเติมได้ โดยคำร้องขอย้ายเพิ่มเติมใดไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติให้ย้าย คำร้องขอย้ายดังกล่าวเป็นอันยกเลิก
- ให้ดำเนินการย้ายเช่นเดียวกับวิธีการย้ายกรณีปกติ สังกัด สพฐ. โดยอนุโลม และมิให้นำระยะเวลาที่กำหนดมาใช้
ทั้งนี้ การพิจารณาย้ายให้พิจารณาตามสัดส่วนการย้ายตามที่ กศจ.กำหนดไว้
- เห็นชอบแนวทางการขอทบทวนมติ ว13
ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการดำเนินการขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. กรณีไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ว13/2556 ประจำปี 2559
โดยให้ดำเนินการพิจารณาคำขอทบทวน เฉพาะบางกรณีที่ไม่มีประเด็นฟ้องคดีปกครอง ส่วนกรณีที่มีการฟ้องคดีปกครอง ให้ชะลอการดำเนินการไว้ก่อน จนกว่าจะมีคำพิพากษาศาลปกครอง
- อนุมัติย้าย ผอ.สพท.52 ราย และแต่งตั้งใหม่ 76 ราย
ที่ประชุมอนุมัติ
- ย้ายและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะเดิม ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งใหม่ จำนวน 52 ราย
- บรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ได้รับการคัดเลือกและผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้งฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 76 ราย แยกเป็น สพป. 63 ราย และ สพม. 13 ราย
- อนุมัติย้ายรอง ผอ.สพท.102 ราย และแต่งตั้งใหม่ 209 ราย
ที่ประชุมอนุมัติ
- ย้ายและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะเดิม ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งเดิมและแห่งใหม่ จำนวน 102 ราย
- บรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ได้รับการคัดเลือกและผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้งฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 209 ราย แยกเป็น สพป. 163 ราย และ สพม. 46 ราย
- เห็นชอบแต่งตั้งอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ.
ที่ประชุมเห็นชอบ
แต่งตั้งอนุกรรมการผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ. ใน อ.ก.ค.ศ. ส่วนราชการ แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 2 ราย คือ
– รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ ศึกษาธิการภาค 2 รักษาราชการแทนเลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นอนุกรรมการผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ. ใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
– น.ส.เจริญวรรณ หนูนาค รองเลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นอนุกรรมการผู้แทนสำนักงาน ก.ค.ศ. ใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานบริหารการศึกษาพิเศษ สพฐ.
- แต่งตั้งอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 4 ราย คือ
– นายอามีน กะดะแซ ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส วิทยฐานะเชี่ยวชาญ
– นายสุวัฒน์ชัย แสนราช ศึกษาธิการจังหวัดอุดรธานี
– นายวรัท พฤกษาทวีกุล เลขาธิการ กศน.
– นายธนู ขวัญเดช ศึกษาธิการภาค 10 รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ศธ 360 องศา