“ณัฏฐพล” ถก จุฬาฯ-มศว และสพฐ. เขย่าหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานใหม่ ส่วนหลักสูตรฐานสมรรถนะที่มีการปรับมาก่อนหน้านี้ไม่ใช้แล้ว มั่นใจหลักสูตรใหม่ทันใช้ปี 65 แน่
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนได้ประชุมร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงการจัดทำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ซึ่งการปรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น ตนต้องการปรับใหม่ โดยจะไม่ใช้ว่าหลักสูตรฐานสมรรถนะแบบเดิมที่เคยมีการดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยจะใช้ชื่อหลักสูตรแบบไหนนั้นในเร็วๆนี้ คณะทำงานปรับปรุงหลักสูตรจะสรุปรายละเอียดออกมาเป็นมติอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ส่วนจะหลักสูตรใหม่จะทันใช้ในปีการศึกษา 2565 หรือไม่นั้นในใจตนก็อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เมื่อรีบดำเนินการให้เสร็จเร็วก็ต้องมีความรอบคอบในการปรับปรุงด้วย เพื่อให้ผู้เรียนได้ประโยชน์มากที่สุด
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับรูปแบบใหม่ของหลักสูตรการแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้นจะเริ่มตั้งแต่หลักสูตรการศึกษาระดับปฐมวัย ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ซึ่งจะแยกสัดส่วนออกมาแต่ละกลุ่มสาระวิชาการเรียนรู้หลักให้มีความเหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงชั้น โดยจะมีความเชื่อมโยงหลักสูตรใหม่และหลักสูตรเก่าพร้อมกับผสมผสานการเรียนรู้โลกในศตวรรษที่ 21 ซึ่งหลักสูตรใหม่จะมุ่งเป้าหมายของการผลิตผู้เรียนตามความต้องการของประเทศในอนาคต เช่น การเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ จะพัฒนาเด็กเล็กให้รู้พื้นฐานใดบ้างจนไปถึงเด็กโต ซึ่งหากเด็กไม่ชอบการเรียนวิทยาศาสตร์จะมีกระบวนการพัฒนาและบริหารจัดการอย่างไรบ้าง หรือหากเด็กมีทักษะพิเศษเก่งด้านวิทยาศาสตร์จะต้องต่อยอดและส่งต่อผู้เรียนด้วยรูปแบบไหน เป็นต้น
“หลักสูตรใหม่จะทำให้เด็กมีทักษะคิดวิเคราะห์เป็น และผู้เรียนมีทางเลือกในการเรียนรู้อย่างหลากหลายมากขึ้น เพราะสามารถเลือกอนาคตได้ด้วยตัวเองว่าอยากจะทำอะไร โดยเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน รวมถึงตรงกับความต้องการของเด็ก สำหรับหลักสูตรฐานสมรรถนะที่มีการปรับมาก่อนหน้านี้นั้นผมยอมรับว่าขอล้มล้างและนำมาเขย่ารวม เพื่อปรับหลักสูตรใหม่ทั้งหมด โดยจะไม่ใช่หลักสูตรฐานสมรรถนะแล้ว แต่จะเป็นการนำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมาอัดเดทใหม่และเสริมด้วยเทคโนโลยีในอนาคต” นายณัฏฐพล กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563