เมื่อเร็วๆนี้ นายธนชน มุทาพร ประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้สอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งศึกษาธิการจังหวัด และรองศึกษาธิการจังหวัด โดยได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้บรรจุแต่งตั้งไปเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2563 แต่พบว่า การดำเนินการในครั้งนี้ มีสิ่งที่ผิดปกติ ที่กำหนดหลักเกณฑ์การสรรหาไม่เป็นไปตามกฎหมาย คือ
1.การบรรจุและแต่งตั้งดำเนินการก่อนการพัฒนา
คือสั่งบรรจุและแต่งตั้งวันที่ 8 กันยายน 2563 แล้วให้ไปพัฒนาในวันที่ 9 กันยายน 2563 ซึ่งไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งในมาตรา 80 ที่บัญญัติไว้ว่า ให้มีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งบางตำแหน่งและบางวิทยฐานะ ซึ่งตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดและรองศึกษาธิการจังหวัด ก็เป็นตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเช่นกัน ตามนัยของคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2560 ข้อ 12
ดังนั้น การสั่งบรรจุและแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวก่อนพัฒนาจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถึงแม้ในหลักเกณฑ์การสรรหา จะมิได้กำหนดไว้ชัดเจน หลักเกณฑ์การสรรหาดังกล่าวนี้จะต้องยกเลิกและปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับกฎหมายต่อไป
2. การกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับการสรรหารองศึกษาธิการจังหวัด ตามหลักเกณฑ์นี้ ส่อไปในทางกำหนดตามอำเภอใจ กล่าวคือ ตำแหน่งรองศึกษาธิการจังหวัดซึ่งมีมาตรฐานตำแหน่งที่ไม่แตกต่างจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยผู้ที่จะเข้ารับการสรรหาได้ ต้องเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี สำหรับตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค จะต้องเป็นหรือเคยเป็นผู้อำนวยการกลุ่มมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี ซึ่งแตกต่างจากผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการสรรหารองศึกษาธิการจังหวัด. บุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้อำนวยการกลุ่ม ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติดังกล่าวนี้จึงเป็นการเลือกปฎิบัติที่ไม่เป็นธรรมกับ บุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค.ที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
นอกจากนั้นการกำหนดให้รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เข้ารับการสรรหาตำแหน่งรองศึกษาธิการจังหวัด ได้โดยไม่กำหนดเงื่อนไขของผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไว้ ไม่ต่ำกว่า 1 ปี จึงทำให้รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ดำรงตำแหน่งไม่ครบ 1 ปี ซึ่งยังไม่ผ่านการประเมินสัมฤทธิ์ผลการปฏิบัติงานในหน้าที่เป็นระยะ 1 ปี จึงจะมีผลโดยสมบูรณ์ของการบรรจุแต่งตั้งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา แต่หลักเกณฑ์การสรรหาเข้าสู่ตำแหน่งรองศึกษาธิการจังหวัด ยังกำหนดให้รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาดังกล่าวนี้ เข้ารับการสรรหาได้ จึงไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ตามหลักเกณฑ์ของการกำหนดให้รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้องผ่านการประเมินสัมฤทธิ์ผลของการปฎิบัติงานในหน้าที่ภายใน 1 ปี
3. การออกคำสั่งให้รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน บรรจุแต่งตั้งเป็นรองศึกษาธิการจังหวัด ลงนามโดยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยอนุมัติ อ.ก.ค.ศ.สำนักงานปลัดกระทรวง
การสั่งบรรจุและแต่งตั้งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งอยู่คนละส่วนราชการนั้นจะต้องได้รับอนุมัติให้โอนจากเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานก่อน แต่คำสั่งบรรจุและแต่งตั้งดังกล่าวนี้ลงนามในวันที่ 8 กันยายน 2563 แต่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อนุมัติ ให้โอนเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ การรับโอนข้าราชการมาบรรจุและแต่งตั้งในต่างส่วนราชการ
ด้วยเหตุ ดังกล่าวนี้ ชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่เกิดขึ้นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งมีวัตถุประสงค์การก่อตั้งของชมรมฯ เพื่อพิทักษ์สิทธิอันชอบธรรมของสมาชิก และปกป้องการบริหารงานบุคคลของกระทรวงศึกษาธิการมิให้เป็นไปตามอำเภอใจ จะพิทักษ์รักษาระบบธรรมาภิบาลให้เข้มแข็ง ทั้งนี้เพื่อให้กระทรวงศึกษาธิการ และรัฐบาล ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนมากขึ้น
ชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย จะยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับหน่วยงาน หรือ องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ ได้โปรดพิจารณา ให้การสอบคัดเลือกในครั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักธรรมานภิบาล ต่อไป