นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เสนอผลวิเคราะห์การบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันของนักเรียนโรงเรียนประถมศึกษาทั่วประเทศให้ที่ประชุม ครม.พิจารณา เนื่องจากการบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันมีปัญหาหลายส่วน โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณอาหารกลางวันที่ได้รับในอัตราหัวละ 20 บาทต่อวัน จำนวน 200 วัน ที่ถือว่ายังไม่ได้มีการพิจารณาปรับปรุงมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ซึ่งที่ประชุมได้อนุมัติในหลักการแต่ให้ ศธ.ไปพิจารณาความเหมาะสมของตัวเลขการเพิ่มเงินอุดหนุนอาหารกลางวันร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงมหาดไทย เพราะเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่องบประมาณจำนวนมาก
นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า สำหรับอัตราเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันอัตราใหม่นั้นศธ.ได้เสนออัตราแบบก้าวหน้าขั้นบันได แบ่งเป็น
- โรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียน 1-20 คน เสนอให้ปรับขึ้นจากเดิม 20 บาท เป็น 36 บาท
- โรงเรียนที่มีนักเรียนจำนวน 21-40 คนปรับขึ้นจากเดิม 20 บาท เป็น 31 บาท
- โรงเรียนที่มีนักเรียนจำนวน 41-60 คน ปรับขึ้นจากเดิม 20 บาทเป็น 27 บาท
- โรงเรียนที่มีนักเรียนจำนวน 61-81 คนปรับขึ้นจากเดิม 20 บาทเป็น 25 บาท
- โรงเรียนที่มีนักเรียนจำนวน 81-100 คนปรับขึ้นจากเดิม 20 บาทเป็น 24 บาท
- โรงเรียนที่มีนักเรียนจำนวน 101-120 คนปรับขึ้นจากเดิม 20 บาทเป็น 24 บาท
- โรงเรียนที่มีนักเรียน 121 คนขึ้นไปปรับขึ้นจากเดิม 20 บาทเป็น 24 บาท
“เรื่องอาหารกลางวันเป็นเรื่องสำคัญทางโภชนาการของเด็กที่จะต้องได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ดังนั้นเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันที่จะปรับใหม่นั้นจะต้องดำเนินการให้เกิดความเหมาะสมตามขนาดของโรงเรียน ซึ่งอัตราที่เหมาะสมจะอยู่ในจำนวนเท่าไหร่นั้นในสัปดาห์หน้าผมจะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะการเพิ่มเงินจำนวนดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มภาระงบประมาณ 7,000 ล้านต่อปี อย่างไรก็ตามเราตั้งเป้าจะเพิ่มเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันได้ในปีการศึกษา 2565”รมว.ศธ.กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 29 กันยายน 2563