16ก.ย.63-เวลา 15.30 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนนักเรียนกลุ่มการศึกษาเพื่อความไท เดินทางยื่นหนังสือถึงนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เรื่องขอหารือให้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนโดยไม่ต้องผ่านตัวกลางและการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาที่มีส่วนร่วมจากภาคนักเรียนและให้ยกเลิก กฎกระทรวงศธ.เรื่องระเบียบการไว้ทรงผมนักเรียน พ.ศ.2563 โดยมีนายสนิท แย้มเกสร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาฯ กพฐ.) เป็นผู้รับเรื่อง
โดยตัวแทนนักเรียนกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท กล่าวว่า ตนขอบคุณ ศธ.ที่เห็นปัญหาของนักเรียนที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ และกำลังหาแนวทางแก้ไข แต่ทางกลุ่มพวกตนคิดว่า ศธ.ยังแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด เช่น การแก้ไขกฎระเบียบทรงผมนักเรียน นักเรียนถูกคุกคามในสถานศึกษากับการแสดงออกสัญลักษณ์ทางการเมืองด้วยความเห็นต่าง เป็นต้น ทั้งนี้ กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทจึงขอให้ ศธ.แก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเร่งด่วน 2 ข้อ ได้แก่ 1.ขอให้เพิกถอนกฎระเบียบเรื่องทรงผมนักเรียน เนื่องจากพบว่าการออกกฎระเบียบดังกล่าวเป็นฐานอำนาจให้ครูและผู้บริหารโรงเรียนมีช่องทางในการดำเนินการที่ส่งผลกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเสรีภาพของนักเรียน และ 2.ขอให้ศธ.เปิดรับฟังความเห็นนักเรียนโดยไม่ผ่านตัวกลางจากกลไกสภานักเรียน และครู เพราะกว่าข้อมูลจะไปถึงศธ.ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ส่งผลให้เสียงของนักเรียนไปไม่ถึงศธ.ตามจุดประสงค์ที่แท้จริง รวมถึงให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย
ด้านนายสนิท กล่าวว่า รมว.ศธ.มีความห่วงใยปัญหาเด็กและเยาชนเป็นอย่างมากจึงมอบหมายให้ตนมารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ซึ่งตนจะนำรายงานให้นายณัฏฐพลรับทราบต่อไป ทั้งนี้ที่ผ่านมาข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนทุกกลุ่มอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไข เช่น การปรับหลักสูตร เป็นต้น และบางเรื่องได้มีการดำเนินการแก้ไขไปแล้ว ดังนั้นไม่อยากให้นักเรียนมีความกังวลว่า ศธ.จะละเลยปัญหาต่างๆ ของเด็ก โดยศธ.เปิดรับฟังข้อมูลจากนักเรียนทุกช่องทาง ซึ่งก็มีช่องทางส่งเรื่องต่างๆถึงรมว.ศธ.โดยตรงผ่านเว็บไซต์ nattapol.com อย่างไรก็ตามจากปัญหาข้อร้องเรียนต่างๆไม่ว่าจะเป็นการถูกคุกคามในสถานศึกษาก็ลดลงไปแล้ว เพราะเสียงของนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญที่ ศธ.จะเพิกเฉยไม่รับฟังปัญหาไม่ได้
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 16 กันยายน 2563