"อำนาจ" เผย สพฐ.เร่งเดินหน้าปรับหลักสูตรใหม่ ลดเนื้อหา-เน้นปฎิบัติค้นหาตัวเอง พร้อมแจกคู่มือการเรียนการสอนหลักสูตรให้ครูทั่วประเทศเตรียมความพร้อมก่อนใช้จริงปี 65
เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะว่า ขณะนี้การปรับหลักสูตรดังกล่าวได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยเฉพาะเสียงสะท้อนของนักเรียนที่เสนอแนวคิดการปรับเนื้อหาหลักสูตรใหม่ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะนำข้อเสนอต่างๆของนักเรียนมาสู่กระบวนการพัฒนาหลักสูตรด้วย ซึ่งขณะนี้การปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้ว โดยจะนำเนื้อหาของหลักสูตรใหม่ที่เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะไปทดลองนำร่องในโรงเรียนเขตพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา อีกทั้งยังได้รับทราบข้อมูลว่ามีกลุ่มโรงเรียนในบางจังหวัดขอทดลองเรียนหลักสูตรใหม่ด้วย ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องดีที่จะสะท้อนว่าหากคิกออฟใช้หลักสูตรใหม่พร้อมกันทั่วประเทศจะมีข้อจำกัดหรือข้อดีและข้อเสียตรงจุดไหนบ้าง
เลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับหลักสูตรฐานสมรรถนะที่เป็นหลักสูตรใหม่นั้นจะเป็นการวัดสมรรถนะของผู้เรียนแต่ละกลุ่มตามช่วงอายุ เนื่องจากหลักสูตรฐานสมรรถนะจะช่วยเค้นศักยภาพของเด็กตามความถนัด ซึ่งต่อไปจะเน้นการเรียนเฉพาะกลุ่มสาระวิชาหลักเท่านั้น จากนั้นจะเป็นการเรียนที่ให้ผู้เรียนได้ค้นเจอศักยภาพของตัวเอง เช่น หากเด็กคนไหนมีความพิเศษด้านศิลปะก็จะมุ่งส่งเสริมให้มีความโดดเด่นด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับการปรับปรุงแผนการเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้ เป็นต้น โดยสพฐ.ได้จัดทำคู่มือการใช้หลักสูตรใหม่แจกจ่ายให้แก่ครูทั่วประเทศวสำหรับเตรียมความพร้อมการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตรใหม่ที่จะเกิดขึ้นแล้ว
“ปีนี้เราถือว่าเป็นปีแห่งการทดลองการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะและเตรียมความพร้อมให้แก่ครูและนักเรียนก่อนการใช้จริงในปี 2564 ทั้งนี้การปรับหลักสูตรใหม่เราต้องยอมรับว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปแล้วเราจำเป็นต้องปลดล็อค ปรับเปลี่ยน และเปิดกว้าง เพราะหนังสือทุกวันนี้สามารถเข้าไปหาอ่านได้จากออนไลน์ จึงไม่อยากให้ติดกับดักกับหนังสือเรียน ซึ่งต่อไปหนังสือเรียนจะเป็นเครื่องมือหนึ่งประกอบการเรียนเท่านั้น” ดร.อำนาจ กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันอังคารที่ 8 กันยายน 2563