ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 6/2563
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 5/2563 เมื่อวันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2563 โดยมีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สำคัญ ดังนี้
1. เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองศึกษาธิการจังหวัดและศึกษาธิการจังหวัด เนื่องจากหลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองศึกษาธิการจังหวัดและศึกษาธิการจังหวัด (ว 11/2563) กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือก ต้องได้รับการพัฒนาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด ซึ่ง ก.ค.ศ. เห็นว่าการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ศึกษานิเทศก์ ศึกษาธิการจังหวัด และรองศึกษาธิการจังหวัด ควรกำหนดให้มี 4 องค์ประกอบ คือ การคัดกรองการคัดเลือก การพัฒนาก่อนการบรรจุและแต่งตั้ง และการประเมินสัมฤทธิ์ผลการปฏิบัติงานในหน้าที่เพื่อพัฒนาการศึกษา ซึ่งในส่วนของการคัดกรองนั้นบังคับทักษะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ดำเนินการพัฒนา และจัดทำรายละเอียดหลักสูตร
2. ระยะเวลาการพัฒนา (รองศึกษาธิการจังหวัด ไม่น้อยกว่า 35 วัน ศึกษาธิการจังหวัดไม่น้อยกว่า 30 วัน)
3. ขอบข่ายการพัฒนา ประกอบด้วย 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 การเสริมสร้างสมรรถนะ (รองศึกษาธิการจังหวัด ไม่น้อยกว่า 15 วัน และศึกษาธิการจังหวัด ไม่น้อยกว่า 10 วัน)
ส่วนที่ 2 การเรียนรู้ในสภาพจริง (ไม่น้อยกว่า 15 วัน)
ส่วนที่ 3 การรายงานผลการเรียนรู้ และการนำเสนอแผนกลยุทธ์การพัฒนาการศึกษาในจังหวัด (ไม่น้อยกว่า 5 วัน)
4. วิธีการพัฒนา ใช้วิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้จากผู้ทรงคุณวุฒิ การเรียนรู้ในสภาพจริง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ฯลฯ
5. เกณฑ์การประเมิน
- ตำแหน่งรองศึกษาธิการจังหวัด ต้องมีระยะเวลาเข้ารับการพัฒนาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของระยะเวลาการพัฒนาทั้งหมด และต้องผ่านเกณฑ์การประเมินในแต่ละส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
- ตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัด ต้องมีระยะเวลาเข้ารับการพัฒนาไม่น้อยกว่า ร้อยละ 90 ของระยะเวลาการพัฒนาทั้งหมด และต้องผ่านเกณฑ์การประเมินในแต่ละส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
2. เห็นชอบ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการสรรหาและเลือกสรรคนพิการเข้ารับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด จำนวน 5 ตำแหน่ง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสรรหาและเลือกสรรคนพิการเข้าทำงานในส่วนราชการ ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. นร 1004/ว 21 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 และหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 17 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2559 โดยอนุโลม
ซึ่งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสรรหาและเลือกสรรคนพิการเข้ารับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ก.ค.ศ. ยังมิได้กำหนด ซึ่งตาม พรบ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 133 วรรคแรก กำหนดว่าในระหว่างที่ยังมิได้ตราพระราชกฤษฎีกา หรือ ก.ค.ศ. ยังมิได้ออกกฎ ข้อบังคับ ระเบียบหรือจัดทำมาตรฐานตำแหน่ง วิทยฐานะหรือกำหนดกรณีใดเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นำพระราชกฤษฎีกา กฎ ก.พ. กฎ ก.ค. มติ ก.พ. มติ ก.ค. มติคณะรัฐมนตรี ระเบียบ มาตรฐานกำหนดตำแหน่ง หรือ กรณีที่ ก.ค. หรือ ก.พ. กำหนดไว้แล้ว ซึ่งใช้บังคับอยู่เดิมมาใช้บังคับโดยอนุโลม
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานบุคคล เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ และเพื่อให้การดำเนินการสรรหาและเลือกสรรคนพิการเข้ารับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ของทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ มีแนวปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างเหมาคนพิการเป็นมาตรฐานเดียวกัน จึงเห็นชอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการสรรหาและเลือกสรรคนพิการเข้ารับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด จำนวน 5 ตำแหน่ง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสรรหาและเลือกสรรคนพิการเข้าทำงานในส่วนราชการ ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 21ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 และหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1004/ว 17 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2559 มาใช้บังคับโดยอนุโลม พร้อมกันนี้ได้เห็นชอบ ให้ทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการสรรหาและเลือกสรรคนพิการเข้ารับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) โดยให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่ ก.พ. กำหนด (ว 21/2558 และ ว 17/2559) มาใช้บังคับโดยอนุโลม
3. อนุมัติ การจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 23,321 อัตรา ดังนี้
- สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 21,984 อัตรา
- สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 254 อัตรา โดยให้สงวนตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) จำนวน 2 อัตรา เนื่องจากอยู่ระหว่างการทบทวนแนวทางการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการฯ ตำแหน่งประเภทอำนวยการ ของ คปร.
- สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 1,083 อัตรา
โดยให้ส่วนราชการดำเนินการเกลี่ยอัตรากำลังที่ได้รับอนุมัติไปกำหนดตำแหน่งในหน่วยงานการศึกษาตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
1. ให้กำหนดจำนวนและประเภทตำแหน่งตามเงื่อนไขที่ คปร. กำหนด โดยเคร่งครัด
2. ตำแหน่งที่กำหนดจะต้องมีจำนวนและประเภทตำแหน่งตามที่ ก.ค.ศ. อนุมัติ
3. ให้กำหนดตำแหน่งในหน่วยงานการศึกษาที่มีอัตรากำลังไม่เกินกรอบอัตรากำลังของประเภทตำแหน่งนั้น ๆ หรือเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด
4. ในการใช้อัตราที่ได้รับการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการฯ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ให้ใช้ได้ไม่ก่อนวันที่ ก.ค.ศ. มีมติอนุมัติ
ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สงวนอัตราตำแหน่งครูผู้ช่วยที่ได้รับการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการฯ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จำนวน 5,311 อัตรา จำนวน 320 อัตรา และจำนวน 10 อัตรา ตามลำดับ เพื่อรองรับการบรรจุบุคคลตามโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ตามมติคณะรัฐมนตรีและที่ประชุมกระทรวงศึกษาธิการ คือ จัดสรรอัตราตำแหน่งข้าราชการครูที่เกษียณอายุราชการไม่เกินร้อยละ 25 ของอัตราตำแหน่งข้าราชการครูที่เกษียณอายุราชการในรอบ 10 ปี (ปี พ.ศ. 2559-2568) โดยให้เป็นไปตามข้อตกลงของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกับส่วนราชการนั้น ๆ
ที่มา สำนักงาน ก.ค.ศ.