เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยถึงมาตรการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 ก.ค. ว่าขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ได้รวบรวมข้อมูลโรงเรียนที่มีความพร้อมสามารถจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่นักเรียนมาเรียนได้ 100% โดยไม่ต้องใช้มาตรการสลับวันมาเรียน จำนวน 21,000 แห่ง ส่วนที่เหลือจำนวน 5,000 แห่ง เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้มาตรการสลับวันมาเรียนและผสมผสานการเรียนผ่านระบบโทรทัศน์ดิจิทัลและระบบออนไลน์ โดยแบ่งเป็นกลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ และโรงเรียนประถมศึกษาขนาดใหญ่ ทั้งนี้ เมื่อเปิดภาคเรียนแล้วโรงเรียนทุกแห่งจะต้องดำเนินการมาตรการคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดไข้นักเรียนก่อนเข้าเรียน การจัดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม สวมใส่หน้ากากอนามัย และมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือทุกจุดภายในสถานศึกษา
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า ส่วนโรงเรียนพักนอน เช่น โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะเด็กความพิการ สพฐ.ไม่กังวล เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้มีมาตรฐานคัดกรองอย่างดีเยี่ยม ขณะที่โรงเรียนในพื้นที่ชายแดนอย่างภาคใต้และภาคเหนือที่มีเด็กไทยต้องเดินทางไปเยี่ยมผู้ปกครองทำงานอยู่ประเทศเพื่อนบ้านระหว่างปิดภาคเรียนนั้น สพฐ.มีมาตรการให้นักเรียนไทยสามารถเดินทางข้ามชายแดนระหว่างประเทศไทยได้ แต่ต้องถูกกักตัว 14 วัน ซึ่งเป็นไปตามมาตรการของรัฐบาล ทั้งนี้ หากเปิดภาคเรียนแล้วพบนักเรียนมีไข้สูงโรงเรียนจะต้องส่งต่อนักเรียนให้กับโรงพยาบาลทันที โดยจะห้ามให้นอนพักในห้องพยาบาลของโรงเรียนเด็ดขาด รวมถึงเมื่อเปิดภาคเรียนไปสักระยะหนึ่งหากพบนักเรียนตรวจพบโควิด-19 ต้องมีการปิดโรงเรียนทันทีพร้อมทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อ.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยรัฐ วันที่ 23 มิ.ย. 2563