เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.รัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ได้ทำจดหมายเปิดผนึก ถึงผู้บริหารสถานศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โดยมีเนื้อหา ดังนี้
เรียน ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ทุกท่าน
ตามที่มีบุคคลภายนอกได้แจ้งไปยังบรรดาผู้บริหารสถานศึกษาว่าจะประสานส่วนราชการอื่นที่ไม่ใช่กระทรวงศึกษาธิการ ของบประมาณจัดซื้อเครื่องกรองน้ำ หลอด LED โทรทัศน์ฯลฯ เพื่อส่งมอบให้สถานศึกษา แล้วนัดวันมารับมอบโดยให้ผู้บริหารสถานศึกษาลงนามในใบสั่งซื้อที่บริษัทจัดเตรียมไว้แล้ว พร้อมทั้งประทับตราโรงเรียนในใบสั่งซื้อ ต่อมาเมื่อได้รับสินค้าแล้วทางบริษัทก็ได้มีหนังสือทวงเงินค่าสินค้าและเมื่อโรงเรียนไม่ได้ชำระเงิน ก็ได้ยื่นฟ้องโดยมีหมายศาลฟ้องโรงเรียนเป็นจำเลยที่ 1 และฟ้อง ผอ.เป็นจำเลยที่ 2 นั้น ขอเรียนว่าในความเห็นส่วนตัวนั้นนิติกรรมการซื้อขายดังกล่าว น่าจะเป็น
1. นิติกรรมที่เป็นโมฆียะกรรม เนื่องจากเป็นนิติกรรมที่เป็น กลฉ้อฉล กล่าวคือเป็นการใช้อุบายหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความเท็จว่าการสั่งซื้อดังกล่าวนั้นผู้ขายจะประสานของบประมาณจากส่วนราชการอื่น และผู้ขายจะเป็นผู้เบิกจ่ายเงินค่าสินค้าจากส่วนราชการอื่น หรือเป็นการจงใจปิดบังซ่อนเร้นข้อความจริงเพื่อให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาหลงผิดจนแสดงเจตนาทำนิติกรรมซื้อขาย
2. นิติกรรมเป็นโมฆะกรรม เนื่องจากมีการแสดงเจตนาการซื้อขายโดยสำคัญผิดในเรื่องแหล่งเงินที่ต้องชำระซึ่งถือว่าเป็นสาระสำคัญของนิติกรรมดังกล่าว
ดังนั้นจึงขอเสนอแนะแนวทางในการต่อสู้คดีในเบื้องต้นว่าท่านควรทำหนังสือในนามโรงเรียนถึงบริษัทผู้ขาย โดยขอยกเลิกสัญญาการสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวเนื่องจาก “การทำสัญญาซื้อขายไม่เป็นไปตามข้อตกลงกล่าวคือบริษัทคู่สัญญาตกลงในสาระสำคัญว่าบริษัทจะเป็นผู้ประสานกับส่วนราชการอื่นในการจ่ายเงินชำระค่าสินค้าแต่การดำเนินการไม่เป็นไปตามข้อตกลงจึงขอยกเลิกเพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายนี้และขอให้บริษัทมารับสินค้านั้นๆ คืนภายใน 15 วันนับแต่ได้รับหนังสือนี้ “ การส่งหนังสือถึงบริษัทให้ส่งแบบไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ การทำเช่นนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ในทางคดี หากผู้ขายยังคงดำเนินการฟ้องร้อง ต่อไป
ควรรีบทำทันที หากมีข้อสงสัย โทรปรึกษาได้ ที่083-2652693
ขอบคุณครับ
รัชชัยย์ ศรสุวรรณ
นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.)