เรื่องการทบทวนมติ ก.ค.ศ.กรณีไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว ๑๓/๒๕๕๖ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙
เรียน เลขาธิการ ก.ค.ศ.
อ้างถึงหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๓/๐๑๗๔ ลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ตามที่สำนักงาน ก.ค.ศ.แจ้งว่า ก.ค.ศ.มีมติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ว ๑๓/๒๕๕๖ ประจำปี ๒๕๕๙ หากมีความประสงค์จะขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. ให้ยื่นขอทบทวนได้ ความแจ้งแล้ว นั้น สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ขอเป็นตัวแทนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนขอขอบพระคุณ ก.ค.ศ.ที่กรุณาให้โอกาสในการยื่นคำขอให้ ก.ค.ศ.ทบทวนการพิจารณาดังกล่าวและขอขอบพระคุณเป็นกรณีพิเศษกับ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการ ก.ค.ศ.ที่กรุณาเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินการให้มีการขับเคลื่อนในเรื่องนี้ ที่สำคัญคือนับตั้งแต่ ดร.อัมพร พินะสา มาปฏิบัติหน้าที่เป็น เลขาธิการ ก.ค.ศ. ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องกฎระเบียบมากมายที่สอดคล้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการครูอย่างแท้จริง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ ดร.อัมพร พินะสา เคยเป็นครู เป็นผู้บริหารโรงเรียน เป็นผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามาก่อนจึงเข้าใจถึงบริบทของครู ผู้อำนวยการสถานศึกษา และสถานศึกษาอย่างแท้จริง จึงเห็นว่า ในโอกาสต่อไป ผู้ที่จะมาเป็น เลขาธิการ ก.ค.ศ. ควรเป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์เป็นครูมาก่อนจึงจะทำให้ ก.ค.ศ.เห็นภาพการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อย่างไรก็ตามในเรื่องการพิจารณาทบทวนการรับรองผลงานเพื่อพิจารณาให้เป็นผู้มีคุณสมบัติในการได้รับการพิจารณาให้เลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษหรือวิทยฐานะเชี่ยวชาญ นั้น
ส.บ.ม.ท.พิจารณาแล้วเห็นว่าผลงานใดๆของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เคยได้รับการรับรองมาก่อนตั้งแต่ประกาศใช้หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสพผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญทุกตำแหน่ง ที่ส่งพร้อมหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๓/ว๑๓ ลงวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ นั้น ก็ควรจะต้องได้รับการรับรองในการพิจารณาทบทวนในครั้งนี้ด้วยไม่ว่าจะเป็นรางวัลตรงหรือรางวัลเทียบเคียงก็ตาม โดยอาศัยข้อมูลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ดังนี้
ข้อ ๑. รางวัลที่เคยได้รับการรับรองทั้งรางวัลตรงและรางวัลเทียบเคียงตามหลักเกณฑ์ ว ๑๓/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ นั้น ไม่เคยมีกฎหมายใดหรือไม่เคยมีมติใดว่ารางวัลต่างๆเหล่านั้นด้อยค่าลงไปเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไป
ข้อ ๒ รางวัลที่เคยได้รับการรับรองทั้งรางวัลตรงและรางวัลเทียบเคียงตามหลักเกณฑ์ ว ๑๓/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ นั้น ไม่เคยมีข้อค้นพบใดว่ารางวัลต่างๆเหล่านั้นมีที่มาของการกำหนดองค์ประกอบการพิจารณาที่ไม่ถูกต้อง
ข้อ ๓ แม้ว่า ก.ค.ศ.จะได้มีหนังสือ ที่ ศธ ๐๒๐๖.๓/ว ๑ ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ แจ้งแนวทางการพิจารณารางวัลขึ้นมาใหม่โดยใช้ฐานจากหลักเกณฑ์ ว ๑๓/๒๕๕๖ และมิได้มีมติให้ยกเลิกหลักเกณฑ์ ว ๑๓/๒๕๕๖ หรือมิได้มีมติยกเลิกการรับรองรางวัลที่เคยได้รับการรับรองมาแล้วแต่อย่างใด ดังนั้นรางวัลที่เคยได้รับการรับรองมาแล้วจึงยังคงทรงคุณค่าและควรต้องรับรองเช่นเดิม การที่ ก.ค.ศ.มีมติรับรองรางวัลตรงจำนวน ๒๐๓ รางวัลนั้นจึงถือได้ว่าเป็นการรับรองรางวัลเพิ่มเติมจากรางวัลที่เคยรับรองไว้แล้ว
ข้อ ๔ การพิจารณาไม่รับรองรางวัลเดิมที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ใช้ประโยชน์ในการเลื่อนวิทยฐานะไปแล้ว ทั้งๆที่หลักเกณฑ์ ว ๑๓/๒๕๕๖ ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ จึงเป็นการออกกฎหมายใหม่ให้มีผลย้อนหลังในทางไม่เป็นคุณหรือเป็นโทษจึงเป็นการกระทำที่ไม่สามารถกระทำได้
ข้อ ๕ หลักเกณฑ์ ว ๑๓/๒๕๕๖ มิได้กำหนดไว้ว่ารางวัลที่ได้รับการรับรองว่าเป็นรางวัลตรงหรือรางวัลเทียบเคียงที่ ก.ค.ศ.เคยมีมติรับรองไว้นั้นมีอายุการนำไปใช้ได้ไม่เกินกี่ปี กรณีเช่นนี้จึงถือว่ารางวัลที่ ก.ค.ศ.เคยรับรองไว้นั้น ยังสามารถนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในการเลื่อนวิทยฐานะได้
ข้อ ๖ หลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.แจ้งพร้อมหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๓/ว๑ ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ หากมีสาระสำคัญใดที่มีผลย้อนหลังในทางที่ไม่เป็นคุณทางสิทธิของข้าราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษา ย่อมไม่สามารถใช้บังคับได้
ข้อ ๗ รางวัลต่างๆ ที่เสนอไปที่ ก.ค.ศ.เพื่อพิจารณานั้น ล้วนแล้วแต่ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือหน่วยงานต้นสังกัดของส่วนราชการอื่นแล้ว ดังนั้น ก.ค.ศ.จึงควรรับดุลพินิจของ สพฐ.ไว้เป็นสำคัญ
ข้อ ๘ หาก ก.ค.ศ.พิจารณาผลงานต่างๆบางผลงานแล้วไม่รับรองผลงานให้โดยอ้างเหตุผลว่าผลงานดังกล่าวเกินกำหนดระยะเวลาไปแล้ว นั้น ส.บ.ม.ท. เห็นว่าเหตุผลนั้นๆไม่สามารถยอมรับได้เพราะในหลักเกณฑ์ ที่ ก.ค.ศ.กำหนดนั้นได้กำหนดเรื่องระยะเวลาไว้ว่าหากเกินกว่า ๓ ปี แต่ถ้าได้รายงานผลการพัฒนาอย่างต่อเนื่องก็สามารถรับรองผลงานดังกล่าวได้
ข้อ ๙ ขอความอนุเคราะห์จาก ก.ค.ศ. ขอได้โปรดมีมติให้ข้าราชการครูสายผู้สอนผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสพผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ที่ส่งพร้อมหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๓/ว๑๓ ลงวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖
ส.บ.ม.ท.ขอเรียนว่าการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษานั้นเป็นไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพราะงานของข้าราชการครูฯนั้นเป็นงานที่ทำเพื่อนักเรียนที่มิได้คาดหวังแค่เพียงผลการเรียนเท่านั้น แต่ยังจะต้องทุ่มเทเวลาและความรู้ความสามารถ ความเสียสละให้นักเรียนในทุกๆด้าน เป็นภาระงานที่มิได้มีกำหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดอย่างแท้จริง แต่เป็นภาระงานที่ครูต้องทุ่มเทให้ตลอดเวลาแม้ว่าจะเป็นนอกเวลาราชการก็ตาม ทั้งนี้เพราะนักเรียนแต่ละคนก็เปรียบเสมือนลูกของครูที่ต้องได้รับการใสใจตลอดเวลา ผลแห่งความเหน็ดเหนื่อยที่ออกมาเป็นรางวัลจึงควรได้รับการยกย่องและตอบแทนให้คุ้มค่ากับความเสียสละของครู การกีดกันและเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมจะทำให้ข้าราชการครูเสียกำลังใจซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการศึกษาของชาติ อย่างไรก็ตาม ส.บ.ม.ท.มีความเชื่อว่าสำนักงาน ก.ค.ศ.ในยุคที่มี ดร.อัมพร พินะสา เป็นเลขาธิการ ก.ค.ศ. นั้นคงจะทำให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีขวัญและกำลังใจมากขึ้น
อนึ่ง ส.บ.ม.ท.ขอความอนุเคราะห์ให้ ก.ค.ศ.พิจารณาหาทางให้ผู้มีอำนาจพิจารณาได้โปรดมีมติเป็นพิเศษสำหรับข้าราชการบำนาญที่ยื่นคำร้องขอทบทวนและหากผลการพิจารณาทบทวนเป็นว่าให้รับรองรางวัลจนมีคุณสมบัติครบ ไม่ต้องรับการประเมินหลังจากมีคุณสมบัติครบเนื่องจากไม่ได้อยู่ในตำแหน่งราชการที่จะดำเนินการเตรียมผลงานรับการประเมินได้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ
นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย ( ส.บ.ม.ท.)
โทร ๐๘๓-๒๖๕๒๖๙๓