"อำนาจ" ถก ผู้บริหารสพฐ.แจงงบประมาณปี 63 และ 64 ถูกปรับลดกว่าพันล้านบาท แจง ไม่กระทบงบเงินเดือนครูและลูกจ้าง พร้อมจัดสรรงบไปกับการซ่อมแซมโรงเรียน บ้านพักครู และห้องน้ำโรงเรียนเท่านั้น
เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้แจ้งมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ผู้บริหารรับทราบถึงประเด็นการปรับลดงบประมาณปี 2563 จำนวน 3,900 ล้านบาท และ งบประมาณปี 2564 จำนวน 2,900 ล้านบาท
โดยในจำนวนงบประมาณของปี 2564 ที่ถูกปรับลดนั้น แบ่งเป็น งบครุภัณฑ์ 50% จำนวน 560 ล้านบาท และงบประจำ เช่น งบสำหรับจัดประชุมสัมมนา อบรม และเดินทางต่างประเทศ เป็นต้น จำนวน 2,300 ล้านบาท
ซึ่งงบประมาณปี 2564 ที่สพฐ.ปรับลดน้อยกว่าปีงบประมาณ 2563 นั้น เพราะร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 จะต้องผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฏรและคาดว่าจะถูกตัดลดอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ในการจัดสรรงบประมาณที่เป็นงบลงทุนจะเน้นการซ่อมแซม บ้านพักครู ห้องน้ำเป็นลำดับแรก และจะไม่มีการสร้างอาคารเรียนใหม่ แต่ขอยืนยันว่างบประมาณที่ถูกปรับลดจะไม่กระทบกับงบเงินเดือนครูและลูกจ้างอย่างแน่นอน
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ประชุมยังได้ย้ำเรื่องการรับสมัครนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ ม.4 ประจำปีการศึกษา 2563 โดยขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะโรงเรียนจะต้องเร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์และสื่อสารสร้างความเข้าใจให้แก่นักเรียนและผู้ปกครองถึงการรับนักเรียนท่ามกลางวิกฤตไวรัสโควิด-19 ดังนั้นหากโรงเรียนดำเนินการแล้วมีปัญหา อุปสรรค หรือข้อจำกัด
ส่วนกลางก็จะต้องลงไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จะต้องดำเนินการให้นักเรียนและผู้ปกครองสามารถดำเนินการสมัครและเข้าสอบคัดเลือกได้ถึงแม้จะอยู่ในจังหวัดห่างไกล หรือ กลุ่มจังหวัดที่อยู่ในเกณฑ์ล็อคดาวน์ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะเมื่อเด็กดำเนินการสมัครแล้วจะทราบทันทีว่า เด็กแต่ละคนอยู่จังหวัดใด
ดังนั้นโรงเรียนจะต้องประสานไปยังผู้ปกครอง ว่า เด็กสามารถเดินทางมาสอบได้หรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้หากเด็กมาจากกลุ่มจังหวัดที่ล็อคดาวน์ หรือ เด็กอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่สามารถเดินทางมาเข้าสอบยังโรงเรียนที่สมัครได้ทาง สพฐ.จะมีการประสานงานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ภายในจังหวัด ช่วยดำเนินการจัดการสอบคัดเลือกให้ แต่จะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการโควิด-19 ของจังหวัดก่อน และ สพฐ.จะพิจารณาเป็นรายกรณีไป เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับสิทธิ์อย่างเท่าเทียมกัน
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันพุธที่ 22 เมษายน 2563