เลขาธิการกพฐ.ถก เตรียมพร้อมรับมือการศึกษาออนไลน์ เผย เปิดรับสมัครเข้าม.1 และม.4 วันที่ 3-12 พ.ค. รับกังวลการสอบเข้าม.1 รร.ดัง รอประเมินสถานการณ์ไวรัสโควิดอีกครั้ง จะต้องจัดสอบแบบ social distancing พร้อมกันทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เมื่อเร็วๆนี้นั้น ที่ประชุมได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมการจัดการศึกษาออนไลน์ ซึ่ง สพฐ.ไม่อยากให้ผู้ปกครองมีความกังวลใจ เนื่องจากเราต้องประกาศขั้นตอนของกาเลื่อนเปิดภาคเรียนว่ามีอะไรบ้าง โดยเฉพาะการจัดทำปฎิทินเปิดภาคเรียนจากเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 15 พ.ค.เป็น วันที่ 1 ก.ค.ซึ่งมีกำหนดการเปิดภาคเรียนมีระยะเวลา 4 เดือน
ดังนั้นเมื่อเลื่อนเปิดภาคเรียนมาเป็นวันที่ 1 ก.ค.จะครบกำหนดการเปิดเรียนวันที่ 30 พ.ย. โดยจะไม่มีการปิดภาคเรียนที่ 1 ในเดือนต.ค. และเริ่มเรียนภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 2 ธ.ค.ไปจนถึง 30 เม.ย.64 ทั้งนี้หากโรงเรียนใดอยากให้เด็กมีเวลาได้หยุดพักก็สามารถบริหารจัดการจัดวันหยุดเรียนและสอนชดเชยในวันเสาร์และอาทิตย์ได้ แต่ทั้งนี้จะต้องยึดการเรียนการสอนให้ครบตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเร็วๆนี้สพฐ.จะประกาศปฎิทินเรื่องการเปิดภาคเรียนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้สพฐ.จะประชุมร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เรื่องการจัดทดสอบต่างๆไม่ว่าจะเป็นการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) การทดสอบความถนัดทั่วไป (แกต) และความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (แพต) การทดสอบวิชาสามัญ 9 วิชา โดยการทดสอบเหล่านี้จะมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ตามเรื่องการจัดการศึกษาออนไลน์ขอให้ผู้ปกครองไม่ต้องกังวล เพราะสพฐ.ได้เตรียมความพร้อมด้านต่างๆไว้หมดแล้ว ซึ่งขอให้เข้าใจด้วยว่า ศธ.จำเป็นที่จะต้องปรับระบบการเรียนใหม่ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19ที่ยังไม่พ้นวิกฤต เพราะเราไม่อยากให้เด็กเกิดช่องว่างในการเรียนรู้ ดังนั้นขอความรู้ร่วมมือพ่อแม่ผู้ปกครองเปลี่ยนบทบาทเป็นครู เปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงเรียนด้วย
ดร.อำนาจ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการรับสมัครนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ ม.4 นั้น กำหนดการรับสมัครผ่านระบบออนไลน์ในวันที่ 3-12 พ.ค. โดยปัญหาการรับนักเรียนที่สพฐ.มีความกังวลในขณะนี้ คือ มีโรงเรียนจำนวนหนึ่งที่มีผู้สมัครเข้าเรียนพอดีกับจำนวนแผนรับนักเรียน และโรงเรียนบางแห่งก็มีผู้สมัครจำนวนน้อยกว่าแผนรับนักเรียนที่รับได้ ซึ่งโรงเรียนกลุ่มนี้สามารถจัดห้องเรียนได้ทันทีโดยไม่ต้องสอบเข้า
ขณะที่โรงเรียนประมาณ 100 กว่าแห่งและเป็นโรงเรียนดังที่มีศักยภาพสูง ซึ่งโรงเรียนกลุ่มนี้ตนยังกังวลว่าหากให้มีการจัดสอบออนไลน์จะเกิดความไม่เท่าเทียม และเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบเกิดขึ้น ดังนั้นในกลุ่มโรงเรียนจำนวนนี้ สพฐ.คิดว่าจะรอประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสอีกครั้ง
หากสถานการณ์คลี่คลายลงอาจจะต้องกำหนดวัดจัดสอบพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการสอบ ซึ่งจะต้องเข้มงวดเรื่องมาตรการป้องกันไวรัสโควิดด้วย เช่น จัดสถานที่สอบให้ห่างกัน 2 เมตร social distancing และสวมหน้ากากอนามัยในการสอบ เป็นต้น
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน 2563