นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID - 19 โดยที่การแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวส่งผลต่อเศรษฐกิจของโลกและของประเทศโดยรวม สินค้าอุปโภคบริโภคต่างขึ้นราคาในการนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มอบนโยบายให้สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจและผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินให้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือลูกหนี้โดยการออกมาตรการในการช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้ นั้น
ส.บ.ม.ท. พิจารณาแล้วเห็นว่าสถาบันการเงินต่างๆเช่นธนาคารล้วนมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการหากำไรโดยให้ประชาชนทั่วไปกู้ยืมเงินเพื่อหวังผลกำไรในทางธุรกิจ แต่ก็ได้แสดงจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมด้วยการให้มีการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ในส่วนของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูต่างๆที่มีจำนวนมากมายนั้นต่างมิได้ดำเนินกิจการเพื่อมุ่งหวังผลกำไรเป็นหลักแต่เป็นการดำเนินกิจการเพื่อมุ่งหวังในการช่วยเหลือครูในการดำรงชีพ และในภาวะที่เกิดเหตุการณ์ข้าวยากหมากแพงประกอบกับคุณครูส่วนใหญ่มีอาชีพเสริมทั้งในเรื่องทางการเกษตรและการทำภาระกิจอื่นเพื่อให้มีรายได้ในการยังชีพ เมื่อเกิดเหตุการณ์ข้าวยากหมากแพงและรัฐไม่ส่งเสริมให้ประชาชนออกจากบ้าน ส่งผลให้อาชีพเสริมที่จะก่อให้เกิดรายได้ในการยังชีพนั้นก็มิสามารถจะทำได้ทำให้คุณครูได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว
ดังนั้น ส.บ.ม.ท.จึงขอวิงวอนให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูทุกสหกรณ์ทั้งประเทศได้กรุณาพร้อมใจกันแสดงน้ำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ในฐานะท่ีเป็นสหกรณ์ของคุณครูและช่วยเหลือคุณครูด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้โดยอัตโนมัติเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยดังกล่าวต้องไม่คิดดอกเบี้ยในระหว่างการพักชำระหนี้ หรือดำเนินการโดยวิธีการอื่นใดอันแสดงให้เห็นถึงการให้ความช่วยเหลือคุณครูในฐานะที่เป็นแหล่งเงินทุนที่ยิ่งใหญ่ เพื่อท่ีคุณครูที่เป็นสมาชิกสหกรณ์และได้กู้ยืมเงินจากสหกรณ์ไว้จะสามารถดำรงชีวิตได้ภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID -19 ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.)