นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้รับทราบว่านายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) และ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (รมว.อว.) ได้เสนอรายชื่อคณะกรรมการวางแผนการผลิตและพัฒนาครู ให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาแล้ว ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เห็นว่าไม่ควรจะรอคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่ แต่ทั้ง 2 กระทรวงสามารถทำงานคู่ขนานร่วมกันไปพลางก่อน โดยตนได้ประสานไปยังนายสรนิต ศิลธรรม ปลัด อว.เพื่อประชุมคณะทำงานวางแผนการผลิตครูชุดเล็กที่ประกอบไปด้วยตัวแทนจาก สพฐ. คุรุสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเร็วๆ นี้ ซึ่งสพฐ.จะเสนอความต้องอยากได้ครูที่มีมาตรฐานความรู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษ เทคโนโลยี และดิจิทัล รวมถึงจะต้องมีความรู้เรื่องการสอนแบบคละชั้นในรูปแบบโรงเรียนขนาดเล็ก ดังนั้นสถาบันผลิตครูจะต้องปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนขนาดเล็กด้วย
นายอำนาจ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนคิดว่า สพฐ.มีแรงจูงใจให้ได้คนเก่งมาเป็นครูอยู่แล้ว เนื่องจากข้าราชการครูที่มีอายุ 30-40 ปี มีอัตราเงินเดือนรวมค่าวิทยฐานะอยู่ที่ประมาณ 40,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับข้าราชการหน่วยงานอื่น รวมถึงในอนาคต คนที่สนใจจะเป็นครูสามารถวางแผนได้ว่าอยากจะบรรจุไปในโรงเรียนใด โดย สพฐ.จะประกาศโรงเรียนที่มีอัตราครูว่างให้ครูไปเลือกสอบในโรงเรียนที่ต้องการจะไปบรรจุ เพราะการสอบบรรจุข้าราชการครูในอนาคตผู้สอบจะต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบภาค ก. ของสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ก่อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อจะได้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับข้าราชการทั่วประเทศ โดยข้อดีของเรื่องนี้ คือ เราสามารถแก้ไขปัญหาได้หลายอย่าง เช่น คนที่เรียนครูสามารถวางแผนได้ว่าเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะไปบรรจุอยู่ที่ไหน รวมถึงแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครู อีกทั้งจะทำให้การทำงานของครูมีความต่อเนื่อง เพราะตัวเองได้เลือกโรงเรียนที่ต้องการอยากจะอยู่โดยไม่ต้องขอย้ายไปย้ายมาอีก
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2563