เมื่อวันที่ 17 ก.พ.63 รศ.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 6 พื้นที่ 8 จังหวัด ตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ.2562 ที่ได้กำหนดแล้ว โดยที่ประชุมได้เสนอว่า ในระยะเวลา 7 ปี ตามที่ พ.ร.บ.กำหนดน่าจะมีการระบุถึงแผนระยะเวลาการดำเนินการให้ชัดเจนว่า แต่ละช่วงเวลาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพื่อนำบทเรียนจากความมีอิสระในการบริหารจัดการทั้งด้านหลักสูตร ผู้บริหารมาเป็นตัวอย่างให้แก่โรงเรียนอื่นได้ ขณะเดียวกันได้ขอให้อัพโหลดหลักสูตรหรือแนวทางต่าง ๆ ให้โรงเรียนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่นวัตกรรมนำไปใช้ได้ และหากมีโรงเรียนในจังหวัดที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่นวัตกรรมฯตาม พ.ร.บ.กำหนดจะขอเป็นพื้นที่นวัตกรรมฯก็สามารถทำได้ เพราะ พ.ร.บ.เปิดให้สามารถทำได้ถ้ามีคณะกรรรมการด้านนโยบายดูแลและอนุมัติ ก็น่าจะสามารถเป็นจังหวัดพื้นที่นวัตกรรมฯได้
ดร.เอกชัย กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้พูดถึงการดำเนินการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ซึ่งต้องต้องมาพูดถึงเรื่องความชัดเจนว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ไม่ว่าจะในแง่ของโครงสร้างการบริหาร และครู คืออะไร น่าจะมีการดูแลโรงเรียนเฉพาะตามบริบท เช่น ผู้บริหารต้องรู้ว่า อยากจะพัฒนาอะไร หรือมีจุดอ่อนอะไร แล้วพัฒนาตามนั้น ขณะเดียวกันก็น่าจะต้องมีโรงเรียนพี่เลี้ยงคอยดูแลโรงเรียนในเครือข่ายด้วย
“ที่ประชุมได้มีการหารือถึงกรณีการออกประกาศนียบัตรให้แก่นักเรียน ที่เดิมจะต้องลงนาม 2 คน คือ ประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กับ ผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ที่ผ่านมาประสบปัญหาว่า บางโรงเรียนออกใบประกาศได้ช้ามาก กพฐ.จึงได้เห็นชอบให้ลงนามโดยผู้บริหารสถานศึกษา เท่านั้น ไม่ต้องมีประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยลดภาระของประธานกรรมการสถานศึกษาฯได้ด้วย” ประธาน กพฐ.กล่าวและว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงการยกเลิกขยายชั้นเรียน(โรงเรียยขยายโอกาส)ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งพบว่า โรงเรียนขยายโอกาสจำนวนมากมีนักเรียนลดลงเรื่อย ๆ ที่ประชุมจึงมีมติว่า ในกรณีที่โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสทางการศึกษามีนักเรียน ม.1-3 ต่ำกว่า 30 คน ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 7,000 โรง สามารถขอยกเลิกการรับเด็กขยายโอกาสได้ ซึ่งข้อมูลนี้มีมาตั้งแต่ปี 2560 แล้ว โดยพบว่า บางโรงเรียนมีเด็กรวมกัน 3 ระดับ แค่ 14 คน บางโรงเรียนมีแค่ 4 คน ขณะที่บางโรงเรียนไม่มีนักเรียนเลยเลย ทำให้อยากเลิกขยายโอกาสแต่ไม่ทราบว่า จะทำอย่างไร ที่ประชุมจึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน( สพฐ.)ให้เขตพื้นที่การศึกษาให้เข้าไปดูแลและแนะนำโรงเรียนเหล่านี้ ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะการจะเลิกรับนักเรียนตามระเบียบกฏหมายต้องประกาศล่วงหน้า 1 ปี โดยความเห็นชอบของเขตพื้นที่การศึกษา แต่ถ้าประกาศล่วงหน้าน้อยกว่า 1 ปี ต้องนำเข้าบอร์ด กพฐ.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก FOCUSNEWS วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563