Advertisement
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ ด้วยพระบารมีธรรมของพระบรรพจารย์ด้วยบารมีธรรมของท่านธรรมอธิการ และนักธรรมอาวุโสทุกท่าน ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสมาร่วมบุญสนทนากับท่านทั้งหลาย ในหัวข้อเรื่อง "กฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด"
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน..ในสัจจธรรมตาสว่าง..
ขอกราบขอบพระคุณที่มาข้อมูลwww.vithi.com
คลิกฟังเพลง..กฎแห่งกรรม : >> http://charyen.com/jukebox/play.php?id=11886
อะไรคือ "กฏแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด ?"
การที่เรารู้เรื่องกฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด มันสำคัญอย่างไรต่อชีวิตของเรา?
เราจะพยายามไขข้อข้องใจเหล่านี้และหวังอย่างยิ่งว่าเมื่อจบการบรรยายนี้แล้ว จะทำให้ท่านสามารถเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นในเรื่องของกฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด ก่อนอื่นข้าพเจ้าจะเล่าเรื่องๆ หนึ่ง
ในสมัยพุทธกาล ครั้งหนึ่งพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงสาวัตถีได้ตรัสถามพระสงฆ์พุทธสาวกว่า
"ในแผ่นดินที่เราปกครองอยู่ทำไมราษฎรทั้งหลายจึงแตกต่างกัน? บางคนเกิดมายากจนต้องทุกข์ยากลำบาก ในขณะที่บางคนเกิดมาร่ำรวยมีเกียรติยศชื่อเสียง ทำไมบางคนเกิดมาเป็นคนดีมีศีลธรรมแต่บางคนเป็นอาชญากร ? บางคนยินดีที่ได้เกิดมา แต่บางคนกลับสาปแช่งการเกิดของเขา"
อันที่แท้จริงแม้ในทุกวันนี้ ถ้าเรามองดูรอบๆ ตัวเราจะเห็นชีวิตที่แตกต่างกันได้อย่างง่าย บางคนเกิดมาในบ้านของมหาเศรษฐีและสนุกเพลิดเพลินกับชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย ในขณะเดียวกันกับที่บางคนตกอยู่ในความยากจนได้รับความลำบากแสนเข็ญ
บางคนเกิดมาสวยงามและมีคนหลงรักมากมาย ในขณะที่บางคนต้องทนอยู่กับหน้าตาขี้เหร่และรูปร่างที่อัปลักษณ์ตั้งแต่เกิด
บางคนเกิดมาร่างกายสมบูรณ์ แต่บางคนอ่อนแอและถูกโรคภัยไข้เจ็บคุกคามเบียดเบียน บ้างก็เกิดมาเป็นคนพิการปัญญาอ่อน
บางคนครอบครัวอยู่อย่างกลมเกลียวมีความสุข แต่บางคนครอบครัวทะเลาะเบาะแว้งกันทุกวัน
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นชะตาชีวิตที่แต่ละคนจะต้องได้รับ
พุทธสาวกผู้รอบรู้มิได้ตอบพระเจ้ากรุงสาวัตถีในทันที แต่ได้ถามพระองค์ว่า "ข้าแต่มหาบพิตร ทำไมผลไม้ถึงรสชาดที่แตกต่างกันล่ะ บ้างก็หลานบ้างก็เปรี้ยว บางผลสดสวยสมบูรณ์ดี บางผลแคระแกรนและลีบ
พระราชาทรงครุ่นคิดสักครู่แล้วตรัสตอบว่า "อาจเป็นเพราะสภาพและชนิดของเมล็ดพันธุ์ที่แตกต่างกัน"
พระสงฆ์สาวกจึงพูดขึ้นว่า "ถูกต้องแล้ว มหาบพิตร" พืชที่ปลูกให้ผลต่างกันก็เพราะเมล็ดพันธุ์ที่ต่างกัน มนุษย์มีโชคชะตาแตกต่างกันก็เพราะผลกรรมที่ต่างกันนั่นเอง จากคำตอบของพุทธสาวกนี้เป็นคำอธิบายให้พวกเราได้รู้ว่า
คนเราเกิดมาต่างกันและมีวิถีชีวิตที่ต่างกันก็เพราะ....>>>
"แต่ละคนต่างมีกรรมเป็นของตนเองโชคชะตา และวิถีชีวิตของมนุษย์ที่เขาประสอบอยู่ในเวลานี้ก็เป็นผลมาจากการกระทำของเขาเองในอดีต"
"กฎแห่งกรรม" คือ อะไร?
"กรรม" คือ กฎของเหตุและผล
นั่นคือ
"เหตุ" ที่ได้กระทำนำมาซึ่ง "ผล" ที่ต้องได้รับ
"ผล" ที่ได้รับอยู่ในขณะนี้แสดงถึง "เหตุ" ที่เคยกระทำไว้แต่ก่อน
มันเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เหมือนกับที่ เราเพาะปลูกเมล็ดมะม่วง ต่อมาเราก็ได้รับต้นมะม่วงและเมื่อเราเห็นต้นมะม่วงโตเราก็จะย่อมรู้ได้ว่ามันมาจากเมล็ดมะม่วง เช่นเดียวกัน ถ้าคนเราทำแต่สิ่งที่ดีๆ มาตลอดชีวิต ในชีวิตหน้าเราก็จะพบชีวิตที่สุขสบาย ในทางตรงกันข้ามหากคนที่ทำแต่ความชั่วมาตลอดชีวิตต่อไปในภายหน้าเขาก็ต้อง ประสบแต่ความทุกข์ยากลำบาก ต้องตกไปอยู่ในสภาพที่ไม่พึงปรารถนา
"กรรม" ให้ผลในรูปลักษณ์ต่างๆ และสามารถพบเห็นได้ในทุกๆ คน ดังเช่น
คำพูดที่ว่า "หว่านพืชเช่นไรได้รับผลเช่นนั้น" หมายความว่า เราปลูกพืชชนิดใด เราปลูกพืชชนิดใด เราก็จะได้รับผลของพืชเช่นนั้น ถ้าเราปลูกแตงโมเราก็ต้องได้ผลเป็นลูกแตงโม ถ้าเราปลูกลิ้นจี่ เราย่อมจะหวังได้เลยว่าต้องได้ผลเป็นลิ้นจี่แน่นอน ถ้าหากมิเป็นเช่นนั้นแล้วชีวิตของชาวสวนคงมีแต่ความยุ่งยากวุ่นวายเพราะจะหวังอะไรไม่ได้เลยว่า เมล็ดที่ตนปลูกลงไปนั้นจะออกลูกเป็นอะไรกันแน่ !
ในด้านคณิตศาสตร์
คุณครูจะสอนเราว่า 1+1 = 2 ......... 1+1 คือ "เหตุ" และ "ผล" ต้องเป็น 2 แน่นอน
ในด้านฟิสิกซ์
คุณครูก็จะสอนว่า "การกระทำทุกอย่างย่อมต้องมีปฏิกิริยาโต้ตอบ"
เมื่อน้ำมีอุณหภูมิที่ 0 องศาเซลเซียส มันต้องแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง
การลดอุณหภูมิ คือ กระทำเหตุ
น้ำแข็งที่ได้ คือ ผลลัพธ์
ในด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์
คุณครูพละจะสอนเราเสมอว่า "ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ร่างกายแข็งแรง" แต่ถ้าเราสูบบุหรี่จัด ปอดของเราจะถูกทำลาย ถ้าเราดื่มเหล้ามากๆ เป็นประจำจะเป็นโรคตับแข็ง ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือความเป็นเหตุและผลที่ตามมา
ในด้านมนุษย์สัมพันธ์
คนที่มีแต่ความหยิ่งยโสจองหองคิดว่าตนจะต้องเป็นฝ่ายถูกเสมอ คนอื่นทำผิดหมด เขาก็จะมีแต่ความสูญเสีย ขาดเพื่อนสนิท ถ้าคนเรารู้จักมีเมตตามีความอ่อนน้อมถ่อมตน ปฏิบัติต่อผู้อื่น ด้วยความจริงใจด้วยความเคารพยกย่องให้เกียรติ เขาก็ย่อมได้รับไมตรีจิตและแวดล้อมไปด้วยผู้คนที่คอยเมตตาให้ความช่วยเหลือ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นลักษณะของ "กรรม" และ "ผลของกรรม" ในรูปแบบที่ต่างกันไปตามเหตุและปัจจัย
กรรมในแง่มุมต่างๆ
ให้เรามาศึกษา "กรรม" ให้ลึกลงไปอีกใน 2 แง่มุม คือ
1. ระยะเวลาที่กรรมจะปรากฎผล และผลกรรมนั้นจะยาวนานแค่ไหน ?
(กรรมที่เห็นผลทันตาและกรรมที่ส่งผลข้ามภพข้ามชาติ)
"กรรม" ให้ผลในระยะเวลาที่ต่างกันตาม "เหตุ" ตาม "ชนิด" ของมัน เช่นเดียวกับพืชยกตัวอย่าง มะเขือเทศใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็ให้ผล ต้นมะละกอก็จะใช้เวลาไม่กี่เดือนจึงให้ผล แต่ถ้าเป็นต้นทุเรียนต้องใช้เวลาถึง 7 ปีจึงจะให้ผล
ในเรื่องกรรมของเรา บางคนได้รับผลจากการกระทำของตนทันทีในชาตินี้ บางคน อาจได้รับผลกรรมของตนในอนาคตหรือชาติหน้า
กรรมที่ส่งผลให้เราต้องได้รับจะมากน้อยยาวนานหรือระยะสั้นๆ ก็เปรียบได้กับ ถ้าเรามีงานที่ค้างอยู่มากมาย เราก็อาจจะไม่สามารถทำให้เสร็จได้ภายในวันเดียว เราย่อมต้องใช้เวลานานหลายวันกว่าที่จะสะสางให้เสร็จเรียบร้อย
ในทำนองเดียวกัน ถ้าในอดีตเราทำควมชั่วที่ร้ายแรงและทำไว้มาก ผลกรรมก็จะปรากฏขึ้นรวดเร็วและต้องชดใช้ไปอีกนาน บางทีอาจต้องชดใช้ไปถึงชาติหน้ากว่าผลกรรมนั้จะหมดสิ้น
ในการสสร้างความดีและบุญกุศลไว้มากๆ ก็เช่นเดียวกัน เหตุนี้เองที่คนดีมากมายในชาตินี้กลับมีชีวิตที่ทุกข์ยากลำบาก ก็เนื่องมาจากกรรมชั่วในอดีตส่งผลมาให้เขาต้องชดใช้
และในหลายกรณีที่คนชั่วในเวลานี้ มีชีวิตอยู่สุขสบายก็เพราะเขากำลังเสวยผลบุญที่ตัวเขาและบรรพบุรุษได้สะสมไว้ในอดีต แต่กรรมชั่วที่เขากำลังทำอยู่ในปัจจุบันนี้ทุกวันก็จะต้องส่งผลเป็นรายการต่อไปแน่นอน
2. กุศลกรรมและอกุศกรรม (หรือกรรมดีกรรชั่ว, กรรมบริสุทธิ์ และกรรมไม่บริสุทธิ์)
"กุศลกรรม" หมายถึง กรรมดีหรือกรรมบริสุทธิ์
"อกุศลกรรม" หมายถึง กรรมชั่วหรือกรรมไม่บริสุทธิ์
ฉะนั้น กรรมดีจะให้ผลที่ดี และกรรมชั่วจะให้ผลตอบแทนที่ไม่ดี
เหมือนดัง
เมล็ดพันธุ์ที่ดี .............ย่อมให้ผลที่ดี
เมล็ดพันธุ์ที่เลว...........ย่อมให้ผลที่เลว
พระอรหันต์จี้กงได้กล่าวไว้ว่า "คนที่มีโชคดี คือ คนที่ได้สะสมกรรมดีไว้ทุกวันปากพูดแต่คำที่ดีงามตามองแต่สิ่งที่ดีงามกายก็กระทำแต่สิ่งที่ดีงามไปด้วย3 ปีที่สะสมแต่ความดี เบื้องบนก็จะประทานอนาคตที่ดีแก่เขา
หากคนที่สะสมแต่ความชั่ว 3 อย่างไว้ตลอดเวลา
ปากพูดแต่คำที่ไม่ดี
ตามองหาแต่สิ่งที่ไม่ดี
กายก็กระทำชั่วอยู่เสมอๆ
3 ปีต่อมาโชคร้ายทั้งหลายก็จะมาถึงเขา"
เราสามารถรู้ได้ว่ากรรมใดเป็นกรรมดี กรรมใดเป็นกรรมเลว ก็อาศัย "จิต" ที่มองไม่เห็น คนที่ไม่สามารถแยกแยะระหว่างความถูก-ความผิด ความดี-ความชั่ว ทำทุกอย่างโดยไม่รู้จักแบ่งแยก คือ คนที่ทำตามกิเลสตัณหาความอยากของเขา ไม่ใช่ทำตามจิตที่มีมโนธรรมสำนึก
กรรมชั่ว หรือ อกุศลกรรม จะเกิดกับผู้ที่กระทำทุกอย่างโดยยึดความต้องการของตัวเองเป็นส่วนใหญ่
ทุกวันนี้ที่ทุกคนทั้งหลายทำทุกอย่างตามที่เขาพอใจอยากจะทำ แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องเลวร้ายสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ก็เพราะเขาไม่เชื่อว่าชีวิตหลังความตายมีจริง โลกหน้ามีจริง นรก-สวรรค์ มีจริง และคิดว่าไม่มีใครจะมาพิพากษาตัดสินการกระทำของเขาได้ คนที่คิดอย่างนี้เป็นอันตรายทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างเรพาะความเชื่อที่ผิดๆ การไม่รู้ความจริงอันถูกต้องจะก่อให้เกิดความพินาศแก่ตัวเขาเอง เป็นเรื่องที่น่าสังเวชจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น คนที่อกตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่รู้จักสำนึกในพระคุณของพ่อแม่ ผลที่ได้รับก็คือ เขาจะถูกคนทั้งหลายรังเกียจและมีลูกหลายที่อกตัญญูต่อเขาดังเช่นที่เขาเคยปฏิบัติมา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องของ "เหตุต้นและผลกรรม" ทั้งสิ้น
เพื่อให้เกิดความกระจ่างแจ้งในเรื่องของ "กรรม" ยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าอยากจะเล่าเรื่องราว เรื่องหนึ่งให้ท่านฟัง
ยังมีนายพรานคนหนึ่งอาศัยอยู่ชายป่า ตลอดชีวิตนายพรานผุ้นี้ได้ฆ่านกและสัตคว์ต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน เมื่อตายไปผลกรรมที่เขาฆ่าสัตว์ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย เขาจึงถูกพิพากษาให้เกิดมาชดใช้กรรม 3 ชาติ
ในชาติแรก เขาต้องได้ไปเกิดเป็นคนยากจนเข้นแค้นและถูกฟ้าผ่าตาย เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน
เหตุผล...... ก็เพราะเขาทำให้สัตว์ต้องตายอย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
ในชาติที่ 2 เขาต้องไปเกิดเป็นคนพิการตาบอล ใช้ชีวิตอย่างทุกข์ยากลำบาก
เหตุผล...... ก็เพราะเขาไม่เคยนึกถึงผลที่เกิดตามมาว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่สัตว์ ทั้งหลายถูกเขาฆ่าตาย ลูกๆ ของสัตว์เหล่านั้นจะต้องอดตายหรือถูกศัตรูจับไปกิน
ในชาติที่ 3 เขาต้องเกิดมาโดยไม่มีแขน
เหตุผล...... ก็เพราะเขาได้ใช้แขนไปในทางที่ผิล สร้างแต่ความเดือนร้อน แทนที่จะใช้ทำในสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น
หลังจากที่ยมบาลได้พิพากษาโทษเขาแล้ว นายพร้านผู้นั้นก็ไปเกิดชดใช้กรรมของเขา
ในชาติแรกที่เขาเกิดมา แม่ของเขาต้องตายไปในทันที พออายุได้ 3 ขวบ พ่อก็ป่วยตาย ทิ้งให้ลุงของเขาเป็นผู้เลี้ยงดู จนกระทั่งอายุได้ 6 ขวบเขาก็ถูกส่งไปทำงานเป็นคนเลี้ยงสัตว์อยู่ในบ้านของเศรษฐีผู้หนึ่ง
นับแต่นั้นมาเขาต้องทำงานดูแลฝูงวัว ได้รับความทุกข์ยากลำบากตั้งแต่วัยเด็กไม่ว่าอากาศจะร้อนสักเพียงไรหรือหนาวเย็นแค่ไหน เขาก็ต้องออกไปเลี้ยงสัตว์ทุกวัน จนบางครั้งเขาอยากจะฆ่าตัวตายเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ เขามักจะนึกถามตัวเองว่า "ทำไมฟ้าจึงไม่ยุตธรรมกับฉันเลย?"
มีใครบ้างที่สงสารเขา วันเดือนปีที่ผ่านไปแม้เขาจะต้องทำงานหนักทั้งๆ ที่อายุยังน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้จักรับผิดชอบและประหยัดอดออมจึงเป็นที่ชื่นชอบของนายจ้าง เขามักจะได้รับคำชมบ่อยๆ
หมู่บ้านที่บรรดาคนเลี้ยงสัตว์อาศัยอยู่นั้นไม่ไกลจากเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง แต่การที่จะไปถึงตัวเมืองชาวบ้านทั้งหลายก็จะต้องข้ามแม่น้ำที่กั้นอยู่ ในช่วงฤดูฝนน้ำจะท่วมสูงทำให้ชาวบ้านต้องเสียชีวิตถูกน้ำพัดพาไปในระหว่างข้ามฟาก เหตุการณือันน่าเศร้าสลดเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี สร้างความสลดหดหู่ใจให้แก่เด้กเลี้ยงวัวผู้นี้เป็นอันมาก แต่ก็สุดวิสัยที่จะช่วยอะไรได้เพราะเขาอายุยังน้อยเกินไป
เมื่อเขาเริ่มเติมโตขึ้นจึงหัดว่ายน้ำในแม่น้ำ จนกายเป็นนักว่ายน้ำที่เก่งกาจด้วยความสามารถเขาได้ช่วยชีวิตผู้คนหลายสิบคนให้รอดตายจากการจมน้ำ ชาวบ้านทั้งหลายต่างมอบความรักและซาบซึ้งใจในความดีของเขา
เวลาผ่านไปเมื่อเขาอายุได้ 18 ปี วันหนึ่งชายหนุ่มผู้นี้ได้เข้าไปพบนายของเขา และแนะนำชักชวนให้ท่านสร้างสะพานข้ามแม่น้ำนั้น เขาให้เหตุผลว่า ไไม่เพียงแต่จะช่วยให้ชีวิตผู้คนปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังจะช่วยรักษาทรัพย์สินที่ต้องสูญเสียไปอย่างมากมาย กระผมคิดว่า เจ้านายเป็นผู้ที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะริเริ่มการสร้างสะพานในครั้งนี้ เพราะท่านร่ำรวยมากและมีน้ำใจที่สุดในหมู่บ้านนี้"
นายของเขาหยุดคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า "นี่เป็นความคิดที่ดีทีเดียว แต่ก็ต้องใช้เงินไม่น้อยเลย"
"ไม่มีปัญหา" ชายหนุ่มรีบตอบ "กระผมยินดีที่จะเอาเงินทั้งหมดที่ได้สะสมไว้มาร่วมสมทบด้วยขอรับ"
ด้วยความจริใจแระปรารถนาจะทำสิ่งที่เกิดคุณประโยชน์ต่อสาธารณะชน เจ้านายอขงเขาจึงตกลงใจโดยมีเงื่อนไขให้ชายหนุ่มผู้นี้วางแผนควบคุมดูแลการก่อสร้างสะพานทั้งหมด
จากนั้นมาเขาก็เริ่มดำเนินการสร้างสะพานอย่างไม่ต้องรีรอ ขระที่งานสร้างสะพานดำเนินไปได้ 1 ใน 3 ส่วน ระหว่างที่เขาช่วยคนงานทุบหิน เศษหินได้กระเด็นเข้าแทงนัยน์ตาทั้งสองข้าง ทำให้เขาต้องตาบอดสนิท แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ยอมหยุดสร้างสะพาน
เมื่องานแล้วเสร็จไปได้ 2 ใน 3 ส่วน ขณะที่เขากำลังทำงาน ก็เกิดอุบัติเหตุตกจากสะพาน แขนทั้งสองแลกเหลว จนหมอไม่มีทางรักษาจำต้องตัดทิ้ง ชายหนุ่มผู้มีน้ำใจงามจึงกาลายเป้นคนตาบอดไม่มีแขน แม้ว่าเขาจะได้รับเคราะห์กรรมอย่างหนัก แต่ก็ไม่เคยย่อท้องต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้น เขายังคงมุ่งมั่นที่จะควบคุมการสร้างสะพานให้ถึงที่สุด
ต่อมาไม่นานสะพานก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ ชาวบ้านทั้งหมดจึงได้เชื้อเชิญให้นายจ้างเศรษฐีมาเป้นประะานทำพธีเปิดใช้สะพานนี้
แต่ท่านเศรษฐีกลับยิ้มและตอบว่า "การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำนี้เป็นความคิดริเริ่มของชายหนุ่มลูกจ้าง และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ได้มาจากเงินที่เขาได้สะสมไว้ ฉะนั้นลูกจ้างหนุ่มผู้นี้จึงสมควรได้รับเกียรติให้เป็นผุ้ทำพิธีเปิดสะพานนี้"
ชาวบ้านทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นแล้วจึงเห็นพ้องต้องกันเชื้อเชิญชายหนุ่มผู้พิการให้เป็นประธานในพิธี
ขณะนั้นมีท่านเสนาบดีจากราชสำนักมาร่วมเป็นสักขีพยานในงานเปิดสะพานด้วย ทุกคนพากันเดินไปยังสะพาน ฝูงชนต่างโห่ร้องฉลองชัยด้วยความยินดี
แต่ครั้งไปถึงสะพาน ท้องฟ้าที่สว่างไสวอยู่เมื่อสักสครู่ กลับมืดครื้มเป็นสีดำอย่างน่ากลัว ทันใดนั้นได้เกิดฟ้าผ่าลงมาถูกชายหนุ่มผู้มาเป็นประธานในพิธีอย่างฉับพลัน เขาถูกเผาไหม้จนเกรียมทั้งๆ ที่ร่างยังคงยืนตระหง่านอยู่
ทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อทุกอย่างสงบลงชาวบ้านก็เกิดความฉุนเฉียวและเกรี้ยวกราดขึ้นว่า
"ทำไมถึงได้เกิดฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ อย่างนี้?"
"ชายผู้นี้ไม่เคยทำผิดคิดร้ายอะไร แต่ทำไมต้องกลับมาถูกฟ้าผ่าตาย?"
"คนทำดีมาตลอดกลับไม่ได้ดี ต้องตายอ่างน่าอนาถ เรื่องเช่นนี้ "ฟ้า" ยังไม่รู้จักแยกแยะดีเลว"
ท่ามกลางเสียงวิพากวิจารณ์ด่าทอกันไปต่างๆ นานา ท่านเสนาบดีผู้อาวุโส ได้เดินไปยังร่างที่ไหม้เกรียมของชายผุ้น่าสงสารแล้วท่านจึงก้มลงเขียนข้อความลงบนข้อมือของร่างที่ไร้วิญญาณนั้ว่า
"คนดีที่ถูกฟ้าพิฆาต"
และแล้วร่างกายของชายหนุ่มผู้สร้างแต่ความดีมาตลอดก็ล้มลง พร้อมกับทิ้งปริศนาที่น่าฉงนสงสัยในเรื่องของกรรมดีกรรมชั่วและการเกิดใหม่ ภายในสมองของผู้คนเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าจะเป้นคนดีไปทำไม? ในเมื่อสวรรค์ยังไม่รู้จักแบ่งแยกดีชั่ว"
อีกไม่กี่วันต่อเมื่อท่านเสนาบดีผู้อาวุโสกลับมาถึงราชสำนึก ก้ได้รับแจ้งข่างว่าพระราชโอรสของพระองค์จักรพรรดิ์ประสูติแล้ว แต่ทรงร้องไห้ไม่ยอมหยุด ท่านเสนาบดีจึงได้ขอพระราชานุญาตเข้าเฝ้าพระโอรส
ครั้นเจ้าชายองค์น้อยได้พบท่านเสนาบดีก็ทรงหยุดร้องทันที เมื่อท่านเสนาบดีผู้ชราเข้าชมพระบารมีราชโอรสอย่างใกล้ชิด ก็ต้องตกใจมากที่ได้เห็นบนข้อพระหัตถ์ปรากฎมีอักษรเขียนไว้ว่า
"คนดีที่ถูกฟ้าพิฆาต"
ท่านจึงทราบทันทีว่ พระราชโอรสขององค์จักรพรรดิ์คือ ชายหนุ่มผู้สร้างสะพานซึ่งบัดนี้เขาได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว
ข่าวที่น่าอัศจรรย์ได้แพร่ขยายไปทั่วแผ่นดินอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านในหมู่คนเลี้ยงสัตว์ และราษฎรทั้งหลายจึงเกิดความกระจ่างและหมดสิ้นความสงสัยในเรื่องของ "กฎแห่งกรรมและการกลับชาติมาเกิด"
จากเรื่องราวที่กล่าวมาทั้งหมด คงช่วยชี้ให้เราได้เห็นว่า วิบากกรรมทั้งหลายที่เราได้รับล้วนเป็นผลจากการกระทำของเราเองทั้งสิ้น ฉะนั้นเราต้องมีสติระลึกอยู่เสมอว่า "ขณะนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?"
พระพุทธองค์ตรัสว่า "หว่านพืชเช่นไร ก็ได้รับผลเช่นนั้น"
เพราะฉะนั้นต่อไปภายภายหน้าหากเราเกิดโมโหเพราะมีคนดูถูกเรา ก็จงย้อนระลึกนึกถามตัวเองก่อนว่า "เราเคยดูถูกคนอื่นบ้างไหม?" และควรจะบอกกับตัวเองว่า "สิ่งที่เราได้รับอยู่นี้เป็นผลจากการกระทำที่ไม่ดีของเราในอดีต เราควรยอมรับเคราะห์กรรมนี้โดยไม่เคืองแค้นใครๆ เมื่อมันผ่านพ้นไปก็คือ เราได้ชดใช้หนี้กรรมของเราให้หมดไปครั้งหนึ่ง"
แท้จริงแล้วการที่เราทำอย่างนี้ ไม่เพียงแต่ชดใช้หนี้กรรมเท่านั้น แต่เรายังได้พิจารณาอุปนิสัย มีความอดกลั้นแลฝึกหัดระงับอารมณ์ของเราด้วย
อะไรคือการกลับชาติมาเกิด ?
"อะไรเกิดขึ้นกับเรา หลังจากที่เราตายแล้ว?" ตามหลักของพุทธศาสนาการเกิดใหม่ จะมีขึ้นหลังจากเราจบสิ้นชีวิตในโลกนี้แล้ว คนเราแต่ละคนล้วนมีชีวิตมาในอดีตมากมายหลายชีวิตแล้ว และยังคงต้องมีชีวิตต่อไปอีกหลายชีวิตในอนาคตข้างหน้า เป้นวัฏฏะจักรที่หมุนเวียนไปไม่สิ้นสุด
การกลับชาติมาเกิด หมายถึง การเกิดใหม่ในชีวิตหน้าหลังจากที่เราจบสิ้นชีวิตในชาตินี้แล้ว
กรรมในอดีต (1) คือ เหตุปัจจัยของการเกิดในปัจจุบัน
กรรมในอดีต (1) + กรรมปัจจุบัน (2) คือเหตุปัจจัยของการเกิดในอนาคต
อดีต ------------> ปัจจุบัน -------------> อนาคต --------------> - - - - - - - - - - -
.........กรรม 1..................กรรม 1 + กรรม 2
ปัจจุบันเป็นผลของอดีตและเป็นตัวกำหนดอนาคต
ดังคำกล่าวว่า
เมื่อวานเป็น "เหตุ" วันนี้เป็น "ผล"
วันนี้เป็น "เหตุ" พรุ่งนี้เป็น "ผล"
คนที่ไม่เชื่อเรื่อง "การกลับชาติมาเกิด" ก็เพราะเขายังไม่เข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังของมัน คนไม่น้อยเลยที่เชื่อว่าชีวิตของเราเหมือนกับหลอดไฟฟ้า เมื่อตายไปก็ไม่มีอะไรเหลือ หากเราไตร่ตรองพิจารณาให้ดีแล้วจะรู้ว่ หลอดไฟจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเท่านั้น เมื่อหลอดไฟเสื่อมสภาพหมดอายุการใช้งานหลอดนั้นก็เสียไป แต่อะไรจะเกิดขึ้นกับกระแสไฟฟ้ล่ะ? มันจะสูญสิ้นไปด้วยหรือเปล่า? ไม่อย่างแน่นอน !
เราทุกคนทราบดีว่า พลังงานไม่สามารถสร้างขึ้นและทำลายไปได้ เป็นแต่ว่ามันสามารถเปลี่ยนจากรูปแบบหนึ่งไปอีกรูปแบบหนึ่งได้ ยกตัวอย่างเช่น พลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน พลังงานเครื่องจักรกล พลังงานเคมี ฯลฯ นั่นก็คือกระแสไฟฟ้าอาจเปลี่ยนไปใช้ในรูปแบบต่างๆ เช่นทำให้เตาไฟฟ้าเกิดความร้อน ทำให้ตู้เย็นเกิดความเย็น ทำให้พัดลมหมุน เป็นต้น
ถ้าจะพูดว่ากรรมและการเวียนวายตายเกิดไม่มี เพราะเราไม่สามารถมองเห็นด้วยตา จึงเป็นการสรุปอย่างคนไม่มีเหตุผล
กระแสไฟฟ้าซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้จากปฏิกิริยาของมัน เป็นพลังงานที่มีอยู่จริงแม้แต่คนตาดีก็ไม่สามารถมองเห็นแสงสว่าง และไม่รู้เลยว่าแสงสว่างเป็นอย่างไร
ไม่กี่ปีมานี้หลักฐานต่างๆ และเอกสารมากมายได้ถูกรวบรวมพิมพ์ออกเผยแพร่เพื่อพิสูจน์ว่า การเกิดใหม่นั้นมีจริง มีผู้คนจำนวนมากที่สามารถจำเรื่องราวในอดีตของชาติได้ เขาสามารถบอกเล่ารายละเอียดถึงสถานที่ ผู้คนในอดีต ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง
มีกรณีหนึ่งของ นาง รูส ซิมมอน (Ruth Simmon) ซึ่งเกิดและอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาแต่เธอจำอดีตชาติได้ว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อนเธอคือ นายบิลเดย์ มัมฟี่ร์ ซึ่งมีชีวิตอยู่ในปี ค.ศ. 1789 เธอสามารถบอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตในสมัยนั้น เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเรื่องราวที่เธอเล่าเป้นจริงถูกต้องทุกประการ ทั้งๆ ที่ นางรูส ซิมมอน ไม่เคยเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกาเลย
อีกกรณีหนึ่ง สตรีชาวอังกฤษผู้หนึ่งได้จำอดีตของตนเองได้ 2 ชาติ ในชาติแรกเธอจำได้ว่าเธอเกิดเป็นหญิงชาวไอริซ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชื่อกรีนฮอลท์ (Greenhalgh) ในศตวรรษที่ 17 เมื่อตรวจสอบจากประวัติศาสตร์พบว่า หมู่บ้านนั้เคยมีอยู่จริงเมื่อเกือบ 300 ปีก่อน
ในชาติที่สอง เธอจำได้ว่าได้เกิดเป็นพยาบาลชาวอังกฤษที่มีหน้าที่คอยดูแลเด็กๆ ในเมืองดาวน์แฮม (Downham) ในปี ค.ศ. 1902 เมื่อสืบค้นจากข้อมูลของทางการซึ่งยังคงเก็บรักษาไว้ที่เมืองดาวน์แฮม ได้พิสูจน์ว่านางพยาบาลที่อ้างถึงมีตัวตนอยู่จริง
"สถานที่เกิดของสรรพสัตว์ หรือ ภูมิวิถีทั้ง 6"
1. เทวภูมิ เป็นที่ซึ่งบรรดาเทพพรหมสถิตอยู่ คนที่กระทำแต่ความดีในขณะมีชีวิตอยู่แต่ไม่รับรู้วิถีธรรมจะเกิดอยู่ในเทวโลกนี้
2. กึ่งเทวภูมิ (อสูร) เป็นที่อยู่ของจิตวิญญาณที่ทำความดีในโลกมนุษย์แต่ไม่สามารถ ขจัดความอิจฉาริษยา ความโลภ ความโกรธ ความอคติคิดร้าย ความเห็นแก่ตัวออกไปจากจิตได้
3. มนุษย์ภูมิ คือ โลกมนุษย์ที่คนเราเกิดมา ไม่ว่าจะเป้นคนร่ำรวย คนยากจน คนดีหรือคนเลว ก็จะมาเกิดอยู่ในแดนมนุษย์นี้ คนที่บำเพ็ญตัวเองในโลกมนุษย์และมีบุญสัมพันธ์ได้พบ "วิถีธรรม" ก็จะสามารถพ้นจากภูมิวิถีทั้ง 6 นี้ เข้าสู่แดนนิพพานได้ ในอีกด้านหนึ่งหากคนทำแต่สิ่งชั่วร้ายก่ออาชญากรรมสร้างความเดือดร้อนเขาก็จะต้องไปเกิดอยู่ใน 3 ภพภูมิแห่งความทุกข์ยากซึ่งอยู่ต่ำลงไปได้แก่ เดรัจฉานภูมิ เปรตภูมิ และนรกภูมิ
4. เดรัจฉานภูมิ คือสภาพความเป้นอยู่ของสัตว์ประเภทต่างๆ บนโลกนี้ แบ่งลักษณะของการเกิดได้แก่ :
......1. สัตว์ที่เกิดในครรภ์ เช่น ม้า วัว แพะ ฯลฯ
......2. สัตว์ที่เกิดในไข่ เช่น นก งู สัตว์เลื้อยคลาน ฯลฯ
......3. สัตว์ที่เกิดในที่ชื้นแฉะ เช่น สัตว์ทะเล ปลา กุ้ง หอย ฯลฯ
......4. สัตว์ที่เกิดแล้วแปรสภาพ เช่น แมลงต่างๆ แมลงวัน ยุง ผีเสื้อ ฯลฯ ซึ่งสัตว์เหล่านี้จะต้องเปลี่ยนสภาพรูปร่างหลังจากการเกิดครั้งแรก และอยู่ในสภาพที่เปลี่ยนไปจนถึงวาระสุดท้าย
5. เปตรภูมิ เป็นที่อยู่ของจิตวิญญานซึ่งต้องทุกข์ทรมานกับความหิวกระหาย อันเนื่องจากไม่เคยทำบุญกุศล ไม่เคยบริจาคทานใดๆ ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณของพืชพันธุ์ธัญญาหารและน้ำ
6. นรกภูมิ เป็นที่ซึ่งดวงวิญญาณของคนที่กระทำผิดศีละรรม สร้างแต่กรรมชั่วขณะ เมื่อยังมีชีวิตต้องไปรับโทษทัณฑ์ อยู่อย่างทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส
ในภพภูมิของเทพพรหม ภูมิกึ่งเทวภูมิ (หรือแดนอสูร) และโลกมนุษย์ จะมีความสุขกว่าสัตว์โลก เปรตและในนรก แต่ไม่ว่าจะเกิดอยู่ในภพภูมิไหน ภพภูมิที่เราจะต้องไปเกิดและสภาพของการเกิดขึ้นอยู่กับการกระทำ (กรรม) ในอดีตและปัจจุบันของเรานั้นเอง อายุขัยของแต่ละชีวิตใน 6 ภุมิก็แตกต่างกันไม่มีใครจะอยู่ได้ตลอดไป
ทั้ง 6 ภูมินี้ มีแต่โลกมนุษยืเท่านั้นที่ดีที่สุดเพราะเป็นสถานที่ทุกคนสามารถบำเพ็ญฝึกฝนตนเอง และมีกายสังขารที่จะสามารถสร้างสมคุณความดีและบุญกุศลได้
การเวียนว่ายจะไม่มีวันจบสิ้น ตราบใดที่เรายังมี "ความอยาก" ในทางโลก ตราบนั้น เราก็ยังต้องเกิดอยู่ร่ำไป หกาเราโชคดีมีรากบุญมาพบวิถีธรรม และได้เรียนรู้ "สัจจธรรม" ตั้งใจบำเพ็ญตนเอง ก็จะสามารถพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด หมดสิ้นความทุกข์ทั้งปวง ดังเช่นที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพรอรหันต์สาวกทั้งหลายได้บำเพ็ญจนสำเร็จธรรมบรรลุปณิธานสูงสุดไปก่อนหน้าแล้ว ย่อมเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีเลิศแก่พวกเราทุกคน
4. ข้อปฏิบัติที่สำคัญในชีวิตของเรา ที่มีผลต่อกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด 3 ข้อ ได้แก่ :
ก. ไม่ทำความชั่วใดๆ ตั้งใจทำแต่ความดี เมื่อเราได้รู้ถึงผลกรรมและการเวียนว่ายตายเกิดแล้วเราจะต้องสำรวมระมัดระวังในการกระทำของเรา คือ ต้องพยายามหลีกเว้นการทำชั่วพยายามทำแต่ความดีเสียตั้งแต่บัดนี้ พึงจดจำไว้เสมอว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" บางเวลาที่เราพลั้งเผลอทำผิด เราก็ควรสำนึกผิดขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วย้อนพิจารณาความผิดที่ได้กระทำไปแล้ว พิจารณาความผิด ที่ได้กระทำไปแล้ว เพื่อหาหนทางแก้ไขปรับปรุงตัวเองเสียใหม่
กฎ 4 ข้อสำหรับหลีกเลี่ยงความชั่ว
1. ไม่มองสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย
2. ไม่ฟังสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย
3. ไม่พูดสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย
4. ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย
มันเป็นกฎที่ง่ายๆ แต่ยากที่จะทำได้สำเร็จ เคล็ดลับก็คือ เราจะต้องเชื่อฟังมโนธรรมสำนึกของเรา เพื่อที่จะได้ไม่ถูกกิเลสครอบงำ หากเราพยายามฝึกฝนตามกฎ 4 ข้อนี้ กิเลสทั้งหลายก็จะค่อยๆ มลายสิ้นไป จิตใจของเราย่อมมีแต่ความสะอาด สงบ และแจ่มใส
ข. ตั้งใจบำเพ็ญธรรมอย่างจริงจัง สร้างสมความดีเพื่อชดใช้หนี้สิ้นเวรกรรม
ถ้าเราเป็นหนี้ใครสักคนหนึ่ง เราก็ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินให้ได้มากพอที่จะใช้หนี้ เช่นเดียวกับคนเราแต่คนก็มีหนี้สิ้นเวรกรรมมากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป เพราะฉะนั้นทุกคนจำเป็นต้องรู้จักบำเพ็ญธรรมอย่างจริงจัง เพื่อชดใช้หนี้สิ้นบาปเวรที่เคยก่อไว้
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? ก็เพราะเมื่อเราได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรมอันจะนำพาเราให้กลับสู่ "นิพพาน" พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิทั้ง 6 เจ้าหนี้นายเวรที่เราเคยค้างก็จะต้องติดตามทวงหนี้และฉุดดึงเราไว้ไม่ให้สามารถก้าวสู่ "นิพพาน" ได้ เหมือนกับถ้าเราเป็นหนี้ธนาคารเพียง 1 บาทและตัดสินใจว่าจะเดินทางไปต่างประเทศไม่กลับมาอีกแล้ว แน่นอนธนาคารจะต้องติดตามทวงหนี้ที่เราติดค้างให้ได้
เหตุผลสำคัญประการหนึ่ง ที่เราสามารถรับการ "ถ่ายทอดวิถีธรรม" ก็เพราะด้วยพระบารมีของพรอรหันต์จี้กงผู้แบกภาระถ่ายทอดวิถีธรรมฉุดช่วยชาวโลก พระอาจารย์ทรงค้ำประกันและยืนยันกับเจ้าหนี้นายเวรของเราว่า หลังจากที่เราได้รับวิถีธรรมแล้วทุกคนจะตั้งใจบำเพ็ญธรรมสร้างบุญกุศลชดใช้หนี้บาปเวรที่เคยกระทำต่อพวกเขาทั้งหมด ดังนั้เราควรระลึกถึงพระคุณของพระอาจารย์และไม่ทำให้ท่านผิดหวังในตัวเรา
ค. ฝึก "กินเจ" ให้มาก
ผู้คนทั่วไปมักพูดว่า "มีใจเมตตาก็พอแล้ว ทำไมต้องกินเจด้วย" แท้จริงแล้ว "การกินเจ" มิใช่แค่การแสดงของจิตที่เปี่ยมเมตตาเท่านั้น แต่เป็เรื่องของผู้ที่รู้แจ้งในกฎแห่งกรรมการเวียนว่ายตายเกิด เป็นเรื่องของสุขภาพร่างกายและการยเตรียมตัวบำเพ็ญตนไปสุ่ความหลุดพ้น
บาปที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตคือ "การฆ่า" และอานิสงส์ที่จะทำให้มนุษย์อายุยืนยาวสุขภาพแข็งแรงก็คือ "การไม่ฆ่าสัตว์"
ไม่ว่ากินเนือ้ หรือ กินเจก็เพื่อเพียงให้อิ่มท้อง
แต่กินเนื้อร่างกายสะสมโรคภัยไข้เจ็บ แก่เร็ว อายุสั้น ตายไว การกินเจทำให้ร่างกายสะอาดมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ก่อโรคภัยร้ายแรงให้กับตัวเอง อายุยืนยาว
ถ้าหากเราเข้าใจ "กฎแห่งกรรม" และ "การเวียนว่ายตายเกิด" อย่างลึกซึ้งเราสมควรที่จะหันมา "กินเจ" กันหรือไม่?
สรุป
การที่เรามีโอกาสเรียนรู้กฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิดให้กระจ่างแจ้ง จะทำให้เรามองเห็นชีวิตได้อย่างลึกซึ้งขึ้น เมื่อเรารู้ว่าการกระทำทุกอย่างของเราจะส่งผลให้เราต่อไปในภายหน้าไม่ช้าก็เร็วอย่างแน่นอน ความรู้นี้จะให้ความหวัง ความมั่นใจและความหนักแน่นในความเชื่อที่จะทำความดี รู้จักให้อภัยในความผิดของผู้อื่น
หากเราไม่ต้องการตกอยู่ในภพภูมิทั้ง 6 เมื่อได้รับวิถีกรรมแล้วก็ควรบำเพ็ญธรรมอย่างจริงใจเพื่อให้พบกับชีวิตที่นิรันดรในที่สุด..
วันที่ 1 พ.ค. 2552
Advertisement
![พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาล9 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาล9](news_pic/arrow.jpg) เปิดอ่าน 6,399 ครั้ง ![เขาคนนี้...พับหน้าได้ เขาคนนี้...พับหน้าได้](news_pic/p90897100610.jpg) เปิดอ่าน 6,400 ครั้ง ![วิจารณ์ในแง่ดี เปิดใจกว้าง ระงับความโกรธ ทั้ง3 อยู่ใน...20 วิธีในการจัดการกับคน(จิต)ป่วน วิจารณ์ในแง่ดี เปิดใจกว้าง ระงับความโกรธ ทั้ง3 อยู่ใน...20 วิธีในการจัดการกับคน(จิต)ป่วน](news_pic/p87165841618.jpg) เปิดอ่าน 6,405 ครั้ง ![สาวๆ รู้ไหม หนุ่มๆ อยากได้อะไรเป็นของขวัญ สาวๆ รู้ไหม หนุ่มๆ อยากได้อะไรเป็นของขวัญ](news_pic/p80570782103.jpg) เปิดอ่าน 6,401 ครั้ง ![ในโลกนี้มีกฏหมายที่"ห้ามผู้หญิงขับรถ" ในโลกนี้มีกฏหมายที่"ห้ามผู้หญิงขับรถ"](news_pic/arrow.jpg) เปิดอ่าน 6,395 ครั้ง ![6 เมษายน .... น้อมรำลึกพระบารมีองค์ปฐมบรมราชวงศ์ จักรี 6 เมษายน .... น้อมรำลึกพระบารมีองค์ปฐมบรมราชวงศ์ จักรี](news_pic/p21676590524.jpg) เปิดอ่าน 6,395 ครั้ง ![What a wonderful world .....รบกันจนใกล้สิ้นชาติ What a wonderful world .....รบกันจนใกล้สิ้นชาติ](news_pic/p57150101930.jpg) เปิดอ่าน 6,396 ครั้ง ![ย้อนรอย..อดีต.ความเป็นมา...มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก..วิทยาเขตจันทบุรี ย้อนรอย..อดีต.ความเป็นมา...มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก..วิทยาเขตจันทบุรี](news_pic/arrow.jpg) เปิดอ่าน 6,421 ครั้ง ![Listed Alphabetically///// =ชื่เครื่องดนตรีสากลเรียงตามตัวอักษร(ภาษาอังกฤษ) Listed Alphabetically///// =ชื่เครื่องดนตรีสากลเรียงตามตัวอักษร(ภาษาอังกฤษ)](news_pic/p22343670933.jpg) เปิดอ่าน 6,396 ครั้ง ![ขนมสุดโปรด......เผยนิสัย ขนมสุดโปรด......เผยนิสัย](news_pic/p83041011854.jpg) เปิดอ่าน 6,395 ครั้ง ![มาแล้วคำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2531- 2551 มาแล้วคำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2531- 2551](news_pic/p24753091547.jpg) เปิดอ่าน 6,393 ครั้ง ![คุณคือคนไหนบนรูปภาพนี้?? คุณคือคนไหนบนรูปภาพนี้??](news_pic/arrow.jpg) เปิดอ่าน 6,398 ครั้ง ![ปีเสือทอง ปีเสือทอง](news_pic/arrow.jpg) เปิดอ่าน 6,691 ครั้ง !["เจ้าจอมสดับ" ในรัชกาลที่ 5...ผู้ถวายความจงรักภักดีจนลมหายใจสุดท้าย!!! "เจ้าจอมสดับ" ในรัชกาลที่ 5...ผู้ถวายความจงรักภักดีจนลมหายใจสุดท้าย!!!](news_pic/p35913970932.jpg) เปิดอ่าน 6,445 ครั้ง ![รายงานการใช้ชุดการสร้างความรู้ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษ รายงานการใช้ชุดการสร้างความรู้ตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษ](news_pic/arrow.jpg) เปิดอ่าน 6,387 ครั้ง ![คิดไม่ดีกับคนอื่นบาปไหม.... คิดไม่ดีกับคนอื่นบาปไหม....](news_pic/arrow.jpg) เปิดอ่าน 6,392 ครั้ง
|
![ของว่าง.......ไม่กลัวอ้วน ของว่าง.......ไม่กลัวอ้วน](news_pic/p68646220635.jpg)
เปิดอ่าน 6,387 ☕ คลิกอ่านเลย |
![อาการสำรวมจิต ... อาการสำรวมจิต ...](news_pic/p88537002300.jpg)
เปิดอ่าน 6,484 ☕ คลิกอ่านเลย | ![เลิกสุบบุหรี่ได้แล้วนะ!!!! เลิกสุบบุหรี่ได้แล้วนะ!!!!](news_pic/p23684080415.jpg)
เปิดอ่าน 6,390 ☕ คลิกอ่านเลย | ![เผยแพร่ผลงานวิชาการ นายพิทยา เผยแพร่ผลงานวิชาการ นายพิทยา](news_pic/arrow.jpg)
เปิดอ่าน 6,397 ☕ คลิกอ่านเลย | ![เพลง รำวงรื่นเริงเถลิงศก เพลง รำวงรื่นเริงเถลิงศก](news_pic/arrow.jpg)
เปิดอ่าน 6,398 ☕ คลิกอ่านเลย | ![ตัวอย่างการเขียนเค้าโครงวิจัยในชั้นเรียน ตัวอย่างการเขียนเค้าโครงวิจัยในชั้นเรียน](news_pic/arrow.jpg)
เปิดอ่าน 6,399 ☕ คลิกอ่านเลย | ![สถานภาพองค์ความรู้ของแนวคิดเครือข่ายทางสังคม (State of Knowledge of Social Network Concept) สถานภาพองค์ความรู้ของแนวคิดเครือข่ายทางสังคม (State of Knowledge of Social Network Concept)](news_pic/arrow.jpg)
เปิดอ่าน 6,610 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ ![อาจารย์หม่า ปรมาจารย์ฮวงจุ้ย แนะวิธีเสริมฮวงจุ้ย แก้ปีชง (ชม Clip) อาจารย์หม่า ปรมาจารย์ฮวงจุ้ย แนะวิธีเสริมฮวงจุ้ย แก้ปีชง (ชม Clip)](news_pic/p77378451035.jpg)
เปิดอ่าน 39,893 ครั้ง | ![ออกรถใหม่...วันไหนดี? ออกรถใหม่...วันไหนดี?](news_pic/p99583371446.jpg)
เปิดอ่าน 15,191 ครั้ง | ![ทางรอดประเทศไทย : เปลี่ยนระบบการเรียนรู้ ทางรอดประเทศไทย : เปลี่ยนระบบการเรียนรู้](news_pic/p45470531240.jpg)
เปิดอ่าน 11,321 ครั้ง | ![ภาพกีฬามันๆ โหด มัน ฮา ตลก ขำๆ มาดูกันคลายเครียด ภาพกีฬามันๆ โหด มัน ฮา ตลก ขำๆ มาดูกันคลายเครียด](news_pic/p33348591112.jpg)
เปิดอ่าน 30,255 ครั้ง | ![ดูวิวัฒนาการใบหน้าบรรพบุรุษสู่มนุษย์ยุคใหม่ - 6 ล้านปีใน 1 นาที ดูวิวัฒนาการใบหน้าบรรพบุรุษสู่มนุษย์ยุคใหม่ - 6 ล้านปีใน 1 นาที](news_pic/p41529402214.jpg)
เปิดอ่าน 11,692 ครั้ง |
|
|