สพฐ.วิเคราะห์ปรับโครงสร้างเสร็จไม่เกินเดือน พ.ย.นี้ จากนั้นสรุปให้บอร์ดปฎิรูปโครงสร้างศธ.ชุดใหญ่พิจารณาต่อไป ชี้ มาตรา 53 เรื่องานบุคลต้องอยู่กับผู้บังคับบัญชา เผย การปรับโครงสร้างมุ่งยกระดับคุณภาพผู้เรียน
วันนี้ (6 พ.ย.) ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงการปฎิรูปโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า หลังจากที่คณะกรรมการปฎิรูปโครงสร้างศธ.ที่มีนายวราวิช กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานนั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไประดมความคิดเห็นและพิจารณาร่วมกันว่าการดำเนินการเรื่องดังกล่าวจะไปในทิศทางไหน ซึ่งในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตนได้แต่งตั้งนายอัมพร พินะสา รองเลขาธิการ กพฐ. เป็นประธานคณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้างในส่วนของสพฐ.ขึ้น โดยคณะกรรมการชุดนี้มีตัวแทนจากหลายฝ่ายทั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ซึ่งได้มีการประชุมไปแล้วและได้มีข้อสรุปเบื้องต้นว่า การปฎิรูปโครงสร้างศธ.นั้นยังอยู่ระหว่างการศึกษาและเก็บข้อมูลอย่างรอบด้าน ซึ่งยังไม่มีธงที่จะเคาะออกมาว่าการปรับโครงสร้างศธ.จะออกมาในรูปแบบไหน และยังไม่มีโครงสร้างใดโครงสร้างหนึ่งเป็นการเฉพาะ
ดร.อำนาจ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้คณะกรรมการปรับปรุงโครงสร้างในส่วนสพฐ.ที่ตั้งขึ้นได้มีการวิเคราะห์ตั้งแต่หน่วยปฎิบัติการ คือ โรงเรียน เพราะถือเป็นหน่วยสำคัญที่สุดในการยกระดับคุณภาพการศึกษาว่าโรงเรียนมีความคิดเห็นต่อโครงสร้างที่เป็นอยู่อย่างไรบ้าง จากนั้นในระดับ สพท.มีความเห็นอย่างไรต่อโครงสร้างที่มีอยู่เดิมบ้างว่าส่วนไหนที่เขตพื้นที่มีส่วนสนับสนุนกำกับโรงเรียนยังขาดความคล่องตัว ซึ่งรวมไปถึงเมื่อมีคำสั่งสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของ ศธ.เกิดขึ้นการทำงานระหว่างกศจ.และเขตพื้นที่มีส่วนไหนที่ยังไม่ลงตัวและเป็นอุปสรรคจนทำให้เกิดปัญหารการส่งต่องานมายังส่วนกลางบ้าง โดยเมื่อวิเคราะห์เสร็จสิ้นแล้วจะนำมาเป็นข้อมูลในการออกแบบโครงสร้างของสพฐ.ต่อไป เพื่อให้การปรับโครงสร้างตอบโจทย์คุณภาพผู้เรียนและยกระดับสถานศึกษา
“เรื่องนี้เราต้องมาวิเคราะห์ภาพรวมทั้งหมด เพราะ รมว.ศธ.มอบการบ้านมาว่าการปรับโครงสร้างจะต้องลดงานซ้ำซ้อน ดังนั้นเมื่อได้ข้อมูลที่ตกผลึกทั้งหมด จะนำเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการ และบอร์ดปฎิรูปโครงสร้างศธ.ชุดใหญ่พิจารณาต่อไป ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลการปรับโครงสร้างในส่วนของสพฐ.นั้นจะพูดถึงเนื้องานและคุณภาพผู้เรียนเป็นหลัก และสิ่งใดที่ทำแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อการศึกษา รวมถึงโครงสร้างที่มีอยู่เดิมมีปัญหาอะไร และเมื่อปรับโครงสร้างแบบใหม่จะเกิดประโยชน์อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ควรจะอยู่ที่ไหน ซึ่งในประเด็นมาตรา 53 นี้เป็นการใช้อำนาจไม่ถูกที่ โดยความเป็นจริงแล้วผู้บังคับบัญชาควรเป็นผู้ใช้อำนาจ อย่างไรก็ตามการปรับโครงสร้างในส่วนของสพฐ.จะดำเนินการให้เสร็จภายในเดือน พ.ย.นี้” ดร.อำนาจ กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2562