ครูกระอักต่อประกันเงินกู้ช.พ.ค.
สมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ เผย ข้าราชการครูกระอักต่อประกันเงินกู้ช.พ.ค. โวยสกสค.คิดช้าไม่ช่วยต่อรอง
วันนี้ (4 พ.ย.) นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และธนาคารออมสิน กำลังสรรหาบริษัทประกันสินเชื่อเงินกู้โครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และระหว่างนี้ได้ขอให้บริษัททิพยประกันภัย ต่ออายุกรรมธรรม์ที่ครบอายุไปอีก 1 ปี ตามเงื่อนไขเดิมนั้น ขณะนี้ทราบว่าบ.ทิพยประกันภัย ได้ขอคิดเบี้ยประกันอัตราใหม่ จากเดิมร้อยละ 0.62 เป็น 0.84 เพราะเป็นการต่อสัญญาแค่ 1 ปี และผู้เอาประกันก็มีอายุเฉลี่ยมากขึ้น 9 ปี ส่วนผู้กู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65-74 ปี จะคิดเพิ่มจากร้อยละ 0.62 เป็น 1.176 และยังไม่รวมค่าอาการแสตมป์อีกร้อยละ 0.4 ที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเองด้วย
นายสานิตย์ กล่าวต่อไปว่า จากตัวเลขดังกล่าวตนมองว่าในภาวะเช่นนี้เป็นการขูดเลือดขูดเนื้อครู คนที่ลำบากอยู่แล้วก็จะยิ่งลำบากขึ้นไปอีก และยิ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา นายดิสกุล เกษมสวัสดิ์ ปฎิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.คนใหม่ ยังแจ้งเรื่องนี้ให้ผอ.สำนักงาน สกสค.จังหวัดทั่วประเทศ ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้กู้ได้ทราบเพื่อดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวตนยิ่งรู้สึกสงสารเพื่อนครู เพราะแทนที่สำนักงาน สกสค.จะช่วยต่อรอง หรือรีบหาบริษัทประกันภัยที่มีข้อเสนอที่เป็นประโยชน์กับเพื่อนครูก็ไม่ทำ แต่กลับให้ผอ.สกสค.จังหวัดรีบแจ้งให้ครูดำเนินการตามที่บริษัทเสนอมา
“ครูไม่ใช่ว่าจะมีเงินเหลือเฟือ แม้แต่เงินที่จะชำระเบี้ยประกันก็ต้องกู้จากออมสินเพิ่มขึ้นอีก ครูคงเป็นหนี้ไปจนวันตาย แล้ว สกสค.จะยอมให้บริษัทประกันเอารัดเอาเปรียบครูอีกหรือ อยากถามว่ารมว.ศึกษาธิการ คิดอย่างไร และขอถามต่ออีกว่าสกสค. ทำไมไม่รีบดำเนินการ ปล่อยให้ปัญหาการต่อประกันคาราคาซังมาจนถึงวันขาดอายุ หรือมีอะไรแอบแฝง” นายสานิตย์ กล่าว.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562
โวยต่อประกันเงินกู้ ช.พ.ค.ขูดเลือดครูชัดๆ
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ตนได้รับทราบว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางธนาคารออมสิน ได้ส่งหนังสือมาถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) โดยมีใจความระบุว่าตามที่สำนักงาน สกสค.และธนาคารออมสิน อยู่ระหว่างการดำเนินการสรรหาบริษัทประกันสินเชื่อเงินกู้โครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขและความคุ้มครองตามกรมธรรม์การประกันที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้กู้เงินโครงการ ช.พ.ค. แต่เนื่องจากระหว่างการสรรหาบริษัทประกัน สำนักงาน สกสค. และธนาคารออมสินได้ขอให้บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ต่ออายุกรรมธรรม์ที่ครบอายุแล้ว เป็นระยะเวลา 1 ปี ตามเงื่อนไขความคุ้มครองและอัตราค่าเบี้ยประกันเดิม
นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ กล่าวอีกว่า ในหนังสือดังกล่าวยังระบุอีกว่า แต่เนื่องจากธนาคารออมสินได้รับแจ้งจากบริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ว่าเนื่องจากอัตราค่าเบี้ยประกันเดิม ร้อยละ 0.62 เป็นอัตราค่าเบี้ยประกันที่บริษัทได้ให้ส่วนลดสำหรับการประกันภัยระยะยาว 9 ปี แต่การประกันภัยครั้งนี้เป็นการต่อสัญญาประกันภัย 1 ปี อีกทั้งผู้เอาประกันภัยยังมีอายุเฉลี่ยสูงขึ้น 9 ปี บริษัทจึงต้องคิดค่าเบี้ยประกันภัยรายปี จากเดิมบริษัทคิดอัตราเบี้ยประกันภัย ผู้ที่มีอายุไม่เกิน 65 ปี เพียงร้อยละ 0.62 แต่อัตราประกันใหม่คิดค่าเบี้ยประกันร้อยละ 0.84 ถือว่ามีเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 35.48 และผู้กู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปี แต่ไม่เกิน 74 ปี เดิมค่าเบี้ยประกันร้อยละ 0.62 อัตราเบี้ยประกันใหม่คิดร้อยละ 1.176 ถือว่าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 89.68 นอกจากนี้อัตราประกันภัยที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวยังไม่รวมค่าอากรแสตมป์ที่ผู้ทำประกันจะต้องเสียอีกร้อยละ 0.4 ด้วย ดังนั้นจึงแจ้งให้เลขาธิการ สกสค.ได้ทราบ
นายสานิตย์ กล่าวต่อไปว่า ซึ่งหากพิจารณาจากตัวเลขเบี้ยประกันภัยใหม่ที่บริษัททิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน) เสนอมานี้ ตนถือว่ามีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นมาก และตนมองว่าในภาวะเช่นนี้เป็นการขูดเลือดขูดเนื้อจากครู คนที่ลำบากอยู่แล้วก็จะยิ่งลำบากขึ้นไปอีก และยิ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา นายดิสกุล เกษมสวัสดิ์ ปฎิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.คนใหม่ ยังแจ้งเรื่องนี้ให้ผู้อำนวยการสำนักงาน สกสค.จังหวัดทั่วประเทศ ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้กู้เงินโครงการเงินกู้ ช.พ.ค.ท่ีต้องต่อประกันได้ทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวตนยิ่งรู้สึกสงสารเพื่อนครู เพราะแทนที่สำนักงาน สกสค.จะช่วยต่อรอง หรือรีบหาบริษัทประกันภัยที่มีข้อเสนอที่เป็นประโยชน์กับเพื่อนครูแต่ไม่ทำ แต่กลับให้ ผอ.สกสค.จังหวัดรีบแจ้งให้ครูดำเนินการตามที่บริษัทเสนอมา
“การเพิ่มเงินประกันของกรมธรรม์ประกันสินเชื่อโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.ในครั้งนี้เป็นการเอารัดเอาเปรียบ ขูดเลือดขูดเนื้อครูผู้เอาประกันชัดๆ ครูผู้กู้ใช่ว่าจะมีเงินเหลือเฟือ ขนาดเงินกู้ก็ยังเป็นหนี้ส่งคืนเงินต้นได้เพียงไม่กี่บาท นอกนั้นเป็นดอกเบี้ยไปเสียหมด แม้แต่เงินที่จะชำระเบี้ยประกันตามกรมธรรม์ใหม่นี้ ก็ต้องกู้จากธนาครออมสินเพิ่มขึ้นอีก ครูคงเป็นหนี้ไปจนวันตาย แล้วสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ยังจะยินยอมให้บริษัทประกันเอารัดเอาเปรียบครูอีกหรือ อยากถามว่ารัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ คิดอย่างไร และขอถามต่ออีกว่าสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ทำไมไม่รีบดำเนินการในเรื่องนี้ ปล่อยให้ปัญหาการต่อประกันกรมธรรม์ประกันสินเชื่อโครงการเงินกู้ ช.พ.ค.คาราคาซังมาจนถึงวันขาดอายุสัญญากรมธรรม์ หรือมีนัยอะไรแอบแฝงหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ครูเขาคิดกัน” นายสานิตย์ กล่าว.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก
At HeaR