วืดตำแหน่ง! 'ครู-รองผอ.โรงเรียนขนาดเล็ก'ร้อง หลังได้รับผลกระทบจากมติ ครม.-นโยบายศธ.
ครู-รองผอ.โรงเรียนขนาดเล็ก ร้องศธ. หลัง ครม.มีมติให้สงวน ตำแหน่ง และศธ.มีนโยบายควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ทำให้วืดตำแหน่งผอ.
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2562 นายสมชาย ชาญหิรัญกาญจน์ รอง ผอ.โรงเรียนอนุบาลห้วยราช และในฐานะรองประธานหน่วยพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งดำรงค์ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา หน่วยที่ 5 รุ่นที่ 6/2562 พร้อมตัวแทนผู้ผ่านการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา หน่วยที่ 5 รุ่นที่ 6/2562 จาก จ.ร้อยเอ็ด จ. สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ เดินทางมายื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่ากระกระทรวงศึกษาธิการ โดยมี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ รับฟังปัญหาข้อร้องเรียนพร้อมรับเรื่องแทน รมว.ศึกษาธิการ เพื่อนำเสนอต่อ รมว.ศึกษาธิการ หาแนวทางแก้ไขต่อไป
คุณหญิงกัลยา กล่าวภายหลังรับฟังปัญหา ว่า ส่วนใหญ่ที่มาร้องเป็นครูและเป็นรองผอ.โรงเรียนขนาดเล็ก และผ่านการอบรมพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา และพร้อมที่จะขึ้นเป็น ผอ.โรงเรียนขนาดเล็กแล้ว แต่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2562 มีมติให้สวงนตำแหน่ง ครู และ ผอ.โรงเรียนขนาดเล็ก ไว้ ซึ่งมีอยู่จำนวน 2,876 คน ทั่วประเทศ จึงไม่ได้ขึ้นเป็น ผอ.โรงเรียน ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่ทำให้พวกเขาเป็นกังวลมาก
รมช.ศธ.กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ ทราบว่า นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อดูเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ และจะลงพื้นที่ไปดูข้อเท็จจริงทุกโรงเรียน เพื่อดูแลเด็กและครู เราต้องเอาเด็กเป็นศูนย์กลาง หลังจากนั้น รมว.ศึกษาธิการ ก็จะตัดสินใจเองในตอนนั้น ขณะนี้เรามีโรงเรียนขนาดเล็กอยู่หมื่นกว่าโรงทั่วประเทศ การควบรวมจะเหมาะรวมทั้งประเทศไม่ได้ ที่สำคัญขณะนี้ก็ยังไม่มีการควบรวมโรงเรียน ดังนั้น ครูที่สอนในโรงเรียนขนาดเล็กก็ไม่ต้องกังวลว่าโรงเรียนจะถูกควบรวม และจะไม่ได้เป็นผอ.โรงเรียน เรื่องนี้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะต้องดูแลอย่างรอบครอบ
"ก็บอกกับทุกคนที่มาว่าอย่ากังวลมากไป เพราะ รมว.ศึกษาฯกำลังจะส่งทีมงานลงไปตรวจสอบอยู่ ซึ่งแต่โดยส่วนตัวโรงเรียนก็มีสถานะที่แตกต่างกัน ดังนั้นก็ควรจะศึกษาให้ถ่องแท้ เพราะโรงเรียนขนาดเล็กหลายแห่งก็ทำได้ดี ดังนั้น ต่อไปจะมีการควบรวมหรือไม่ ก็อยู่ที่นโยบายของ รมว.ศธ.ว่าจะทำตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2562 มากน้อยแค่ไหน ดังนั้น วันนี้ พี่ก็รับเรื่องเพื่อเสนอให้ รมว.ศธ.พิจารณา เพื่อหาแนวทางแก้ไข ก็ต้องศึกษาก่อน ก็เห็นใจคนที่มาร้องเพราะรุ่นแรกบรรจุไปแล้ว 1 มี.ค.2562 แต่พอมติ ครม.วันที่ 19 มี.ค.ออกมาว่าให้สงวนตำแหน่งครู และ ผอ.ไว้ จึงทำให้คนกลุ่มนี้ไม่ได้ขึ้นเป็นผอ.โรงเรียนขนาดเล็ก จึงได้รับความเดือดร้อนมาก" คุณหญิงกัลยา กล่าว
ด้าน นายสมชาย กล่าวว่า ที่เดินทางมาวันนี้ เนื่องจากครู และรอง ผอ.โรงเรียนขนาดเล็ก กล่าวว่า หากมีการควบรวมโรงเรียนที่มีเด็ก 30 - 50 คน หรือโรงเรียนที่มีเด็กนักเรียนต่ำกว่า 120 คน จะไม่ได้รับการบรรจุให้เป็น ผอ.โรงเรียนขนาดเล็ก อีกทั้งการควบรวมโรงเรียนทำให้ครู และนักเรียนในชุมชนเดือดร้อน เพราะต้องเดินทางไกลไปเรียนในโรงเรียนอื่น จากที่เคยเรียนอยู่โรงเรียนในชุมชนของตนเอง ทำให้การเดินทางไม่ลำบากเด็กบางคนอาศัยอยู่กับคนแก่จึงไม่มีคนไปส่งยังเรียน
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ก่อนนี้กระทรวงศึกษามีนโยบายการศึกษา ให้ทุกหมู่บ้านมีโรงเรียน แต่เมื่อเร็วๆนี้กระทรวงศึกษาฯมีนโยบายให้โรงเรียนที่มีเด็กต่ำกว่า 120 คน ต้องควบรวมกัน บางแห่งควบรวมถึง 3 โรงเรียนให้เป็นโรงเรียนเดียว ตอนนี้ให้ทำ MOU กันไว้แล้ว และกำหนดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ตุลาคม 2562 นี้ พวกเราจึงเดินทางมาขอความอนุเคราะห์ให้กระทรวงศึกษาฯ ทบทวนนโยบาย เพื่อแก้ปัญหาที่จะเกิดกับชุมชน และครู แต่ถ้าไม่มีการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ก็จะไม่มีการสงวนตำแหน่งผอ.โรงเรียนขนาดเล็ก ตำแหน่งก็จะเลื่อนไหลไปตามบัญชีที่สอบได้ แต่เมื่อจะมีการควบรวม ผลที่ตามมาคือไม่มีอัตรารองรับผู้ที่ผ่านการอบรมพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ทั่วประเทศ
ถ้าไม่ควบรวมโรงเรียน อัตราต่างๆก็ยังมีอยู่ ครบเหมือนเดิม ตำแหน่ง อัตราต่าง ๆก็จะเลื่อนไหลไปอยู่โรงเรียนตามอัตราที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนดไว้ว่า โรงเรียนที่มีนักเรียน 20 คนขึ้นไป มี ผอ.โรงเรียน 1 คน ตามกฏของ ก.ค.ศ.จึงมาขอความอนุเคราะห์ให้กระทรวงศึกษาฯ พิจารณา และขอใช้ ว.8 พิจารณาเรียกบรรจุ ผอ.โรงเรียนขนาดเล็กข้ามจังหวัดได้ ซึ่งปัจจุบัน ว.8 ใช้เรียกบรรจุกับศึกษานิเทศก์ และครูผู้ช้วยเท่านั้น แต่ผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กไม่มีสิทธิ์ จึงขอความอนุเคราะห์ให้ ศธ.พิจารณาทำหลักเกณฑ์ตรงนี้ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กบรรจุในโรงเรียนข้ามจังหวัดได้
"วันนี้ก็ได้มีโอกาสยื่นหนังสือร้องเรียนกันนายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ด้วยท่านก็รับปากว่าจะบรรจุให้ทุกคน เพื่อไปขับเคลื่อนการศึกษาของประเทศไทย ท่านบอกว่าไม่ต้องยื่นหนังสือแล้ว เพราะ สพฐ.เสนอเรื่องนี้ไปให้ทางคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.เรียบร้อยแล้ว จึงขอให้รอ คปร.กำหนดอัตรากำลังกลับมาเพื่อบรรจุผู้บริหารโรงเรียนที่มีนักเรียนไม่ถึง 120 คน ที่ผ่านการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาแล้ว" นายสมชาย กล่าวและว่า สำหรับผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่ผ่านการพัฒนาฯ มาแล้ว 9 รุ่น รวมจำนวน 2,876 คนทั่วประเทศ ส่วนที่มาในวันนี้เป็นตัวแทนของผู้ที่ผ่านการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา หน่วยที่ 5 รุ่นที่ 6/2562 ใน จ.ร้อยเอ็ด 108 คน จ.สุรินทร์ 142 คน และ จ.บุรีรัมย์ 144 คน รวมประมาณ 394 คน
นายสมชาย กล่าวภายหลังรับฟังการชี้แจงจากคุณหญิงกัลยา ว่า ก็รู้สึกมีความหวังและคลายกังวล ที่ทราบว่า รมว.ศึกษาธิการ จะตั้งคณะทำงานเพื่อลงพื้นที่ไปตรวจสอบโรงเรียนขนาดเล็กทุกแห่งก่อนพิจารณาควบรวมโรงเรียน และบอกว่าหาก คปร.คืนอัตราครูเกษียนอายุราชการมา ก็จะมีอัตราเพิ่มมากกว่าตำแหนงที่ ครม.ขอสงวนไว้ด้วย ส่วนการขอใช้บัญชีข้ามจังหวัดนั้น คุณหญิงบอกว่าตรงนี้ยังไม่ชัดเจนขอไปศึกษาดูก่อนแล้วจะแจ้งให้ทราบ ดังนั้น วันนี้พวกเราไก็คลายความกังวลลงได้มาก ก็รอด้วยความหวังให้ทีมงานของท่าน รมว.ศธ.ตรวจสอบก่อนว่าท่านจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก แนวหน้า วันจันทร์ ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2562