รมว.ศึกษาธิการ สั่งคณะทำงานเร่งวิเคาระห์งบฯอาหารกลางวันนักเรียน ชงรัฐปรับเพิ่มเงินอุดหนุนปี 2563 ชี้เด็กในโรงเรียนขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ ไม่ควรได้งบฯอาหารกลางวันเท่ากัน
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รายงานสรุปภาพรวมการบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษาทั่วประเทศ ซึ่งพบว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวยังมีปัญหาในหลายส่วน โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณอาหารกลางวันที่ได้รับในอัตราหัวละ 20 บาทต่อวัน จำนวน 200 วัน ซื่งเป็นอัตราที่ยังไม่ได้มีการขยับมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ดังนั้น คณะทำงานจะต้องเร่งวิเคราะห์ความเหมาะสมของงบประมาณรายหัวที่จะต้องใช้จ่ายว่าควรจะอยู่ในอัตราหัวละเท่าใด ขณะที่ค่าวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมถึงค่าจ้างแม่ครัวก็มีการขยับตามอัตราเงินเฟ้อที่มีการปรับสูงขึ้นไปแล้ว ทั้งนี้ ตนอยากให้เร่งวิเคราะห์งบประมาณค่าอาหารกลางวันนักเรียนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อที่จะได้เสนอเรื่องการขอปรับเพิ่มงบประมาณอาหารกลางวันที่ได้รับเป็นอัตรารายหัวให้รัฐบาลใช้ประกอบการพิจารณา และสามารถใช้งบฯได้ทันในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563
นายณัฏฐพล กล่าวต่อไปว่า เท่าที่ดูข้อมูลแล้วมองว่าหลักการของการให้เงินอุดหนุนอาหารกลางวันในอัตราหัวละ 20 บาทเท่ากันทั่วประเทศคงไม่ได้แล้ว เพราะสัดส่วนจำนวนนักเรียนของแต่ละสถานศึกษามีความแตกต่างกัน เช่น โรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียน จำนวน 30 คน หากได้รับงบรายหัวค่าอาหารกลางวันคนละ20 บาท เท่ากับว่าในแต่ละวันโรงเรียนจะได้รับงบประมาณ จำนวน 600 บาทต่อวันในการจัดอาหารกลางวัน ซึ่งในเงินจำนวนดังกล่าวยังต้องแบ่งเป็น ค่าจ้างแม่ครัว ประมาณ 300 บาท และยังมีค่าวัตถุดิบในการประกอบอาหารอีก ดังนั้นด้วยงบประมาณดังกล่าวคงไม่เพียงพอต่อการจัดอาหารกลางวันที่มีคุณภาพได้อย่างแน่นอน
"ในขณะที่โรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีนักเรียน จำนวน 3,000 คน เมื่อได้รับงบรายหัว 20 บาทเท่ากันก็เท่ากับว่าในแต่ละวันโรงเรียนขนาดนี้จะได้รับเงินจำนวน 60,000 บาทต่อการจัดอาหารกลางวัน จึงถือว่าเพียงพออยู่แล้ว ดังนั้น คณะทำงานต้องไปวิเคราะห์ถึงความเหมาะสมในการจัดสรรงบประมาณรายหัวมาให้ชัดเจน ทั้งนี้ผมได้เน้นย้ำไปว่าการปรับต่างๆจะต้องไม่ให้น้อยไปกว่าเดิม” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2562