ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

แนะปรับแผนชาติจัดการศึกษารับกลุ่มน้ำนอกท่อ


ข่าวการศึกษา 24 ก.ค. 2562 เวลา 06:29 น. เปิดอ่าน : 5,307 ครั้ง
Advertisement


Advertisement

แนะปรับแผนชาติจัดการศึกษารับกลุ่มน้ำนอกท่อ

สกศ.จัดประชุมยุทธศาสตร์ชาติสู่แผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา "กฤษณพงศ์" ชี้ประเทศไทยเด็กลงลด จำนวนคนสูงอายุพุ่ง แนะปรับระบบการจัดการศึกษารองรับกลุ่มน้ำนอกท่อ หรือ คนที่หารายได้ให้ประเทศ

วันนี้ ( 23 ก.ค.) ที่โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค กรุงเทพ ฯ ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมทางวิชาการ "ยุทธศาสตร์ชาติสู่แผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา " โดยมีผู้แทนองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษา ผู้และแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้าร่วม ว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงกลางของกระบวนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) และ แผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และอยู่ระหว่างรอเสนอร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐบาลใหม่ ดังนั้น การขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษาต้องอาศัยกลไกที่มีความหลากหลาย โดยใช้ทั้งอำนาจจากกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเกิดประสิทธิภาพประสิทธิผล ซึ่งตนจะนำแนวคิดและข้อเสนอที่ได้จากการประชุมนี้ไปปรับปรุงพัฒนาการทำงานของ สกศ. ในะระยะเร่งด่วน 1-3 ปีต่อไป

 

ด้าน ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา อดีตประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา(กอปศ.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ของ กอปศ.ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบปัญหาที่มีความหลากหลาย มีความสลับซับซ้อน และมีความเชื่อมโยงกันในหลายมิติ ทั้งนี้ เมื่อสังเคราะห์ปัญหาการศึกษาไทยพบว่ามี 4 ปัญหาใหญ่ คือ 1.คุณภาพการศึกษาไทยต่ำกว่าสากล 2.ความไม่เสมอภาคทางการศึกษา โดยเฉพาะเด็กยากจนหลายคนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา 3.ความสามารถในการแข่งขันนานาชาติ และ 4.ความด้อยประสิทธิภาพและธรรมาภิบาลในการบริหารงาน เช่น การใช้งบฯในการจัดการศึกษา ซึ่งไทยมีงบฯด้านการศึกษาจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ใช้ไปกับเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ใช้เพื่อพัฒนาเด็ก โดย กอปศ. ได้จัดทำข้อเสนอรายงานต่อนายกรัฐมนตรี และเสนอแนะทางออกของการศึกษาด้วยการปฏิรูปการศึกษา 7 ประเด็นไปแล้ว

" กอปศ. ดำเนินการผลักดันกฎหมาย และจัดทำข้อเสนอรายงานต่อรัฐบาลเสร็จสิ้นไปแล้ว 3 ฉบับ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. 2561 พ.ร.บ.การพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 รวมถึงแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ขณะเดียวกันร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ซึ่งเป็นเสมือนธรรมนูญทางการศึกษา ที่เป็นกลไกปรับแนวคิดค่านิยมใหม่ที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษายังอยู่ระหว่างรัฐบาลพิจารณา ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องช่วยกันขับเคลื่อนและแปลงสู่การปฏิบัติโดยส่วนราชการ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีประสิทธิภาพ" อดีตประธาน กอปศ. กล่าว

 

ขณะที่ ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร ประธานคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ กล่าวว่า ขณะนี้เด็กเกิดน้อยลง จากเด็กเกิดใหม่ปีละกว่า 1 ล้านคน ปีล่าสุดเด็กเกิดใหม่มีเพียง 7.4 แสนคน แต่คนสูงอายุจะมากขึ้น โดยในอีก 10 ปี คนสูงอายุจะเป็น 1 ใน 4 ของประชากรประเทศ คนสูงอายุยุคต่อไปจะต้องทำงาน คนวัยแรงงานก็ยังไม่ตอบโจทย์ ต้องปรับการเรียนใหม่ คนวัยทำงานมีจำนวน 35 - 40 ล้านคน ดังนั้น ต้องปรับระบบการจัดการศึกษาเพื่อรองรับคนมากกว่า 40 ล้านคน ไม่ใช่รูปแบบเดิมที่มุ่งเน้นดูแลการศึกษา แค่กลุ่มเด็กและเยาวชน เพราะการลงทุนจัดการศึกษาเด็กวัยเรียนมีความเสี่ยงสูง ปริมาณเด็กวัยเรียนลดลง สวนทางกับวัยทำงานและผู้สูงวัยที่มีมากขึ้น โจทย์การศึกษาต่อไปจึงต้องเปลี่ยนมโนทัศน์ใหม่ อาจจำเป็นต้องปรับให้โรงเรียนที่มีเป็นสถานเรียนรู้ของผูสูงวัย ต่อไปประเทศไทยกลายเป็นสังคมสูงวัยที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ของครอบครัว มีความเอื้ออาทร และความเผื่อแผ่ต่อกันนำมาใช้ซึมซับในระบบการศึกษามากขึ้น

"ในอีก 20 ปี ประเทศไทยต้องเร่งการพัฒนาเพื่อก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง เร่งหนีความจนให้ทัน เพราะมีแต่คนแก่ องค์ความรู้การศึกษาต้องหันมาตื่นตัวการส่งเสริมการเรียนรู้แก่ผู้สูงวัย รวมทั้งการฝึกเด็กรุ่นใหม่ให้มีความเข้าใจสังคมสูงวัย และสามารถร่วมงานกันได้ โจทย์ใหม่ คือ การให้การศึกษากับคนทุกระดับทั้งประเทศ ต้องทบทวนการลงทุนด้านการศึกษากับน้ำนอกท่อ คือ กลุ่มคนที่หารายได้ให้ประเทศ เป็นคนวัยทำงานและผู้สูงอายุที่มีมากถึง 40 ล้านคน ขณะที่น้ำในท่อ คือ กลุ่มเด็กในระบบการศึกษาที่น้อยลง และยังต้องมุ่งวางกรอบการพัฒนาคนตั้งแต่แรกเกิด โดยพัฒนาให้เป็นคนที่สมบูรณ์ มีความพร้อมทั้งสติปัญญา คุณธรรม และจริยธรรม" ดร.กฤษณพงศ์ กล่าว.


ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2562

 


แนะปรับแผนชาติจัดการศึกษารับกลุ่มน้ำนอกท่อ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และที่แก้ไขเพิ่มเติม

หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และที่แก้ไขเพิ่มเติม

เปิดอ่าน 748 ☕ 23 พ.ย. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เปิดอ่าน 748 ☕ 23 พ.ย. 2567

หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เปิดอ่าน 1,082 ☕ 23 พ.ย. 2567

หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เปิดอ่าน 204 ☕ 23 พ.ย. 2567

หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เปิดอ่าน 653 ☕ 23 พ.ย. 2567

นโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569
นโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569
เปิดอ่าน 3,029 ☕ 22 พ.ย. 2567

ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
เปิดอ่าน 644 ☕ 22 พ.ย. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

กรมอนามัย เตือน นมข้นหวานห้ามใช้เลี้ยงทารก ให้กินนมแม่อย่างเดียวต่อเนื่อง 6 เดือน ดีที่สุด
กรมอนามัย เตือน นมข้นหวานห้ามใช้เลี้ยงทารก ให้กินนมแม่อย่างเดียวต่อเนื่อง 6 เดือน ดีที่สุด
เปิดอ่าน 2,357 ครั้ง

จะซื้อกล้องดิจิตอล ต้องดูอะไรบ้าง
จะซื้อกล้องดิจิตอล ต้องดูอะไรบ้าง
เปิดอ่าน 28,652 ครั้ง

12 เคล็ดง่าย เพื่อหน้าใส ไร้ริ้วรอย
12 เคล็ดง่าย เพื่อหน้าใส ไร้ริ้วรอย
เปิดอ่าน 11,886 ครั้ง

6 ประโยชน์ของการอาบน้ำที่คุณอาจยังไม่รู้
6 ประโยชน์ของการอาบน้ำที่คุณอาจยังไม่รู้
เปิดอ่าน 32,947 ครั้ง

ห่วงโซ่อาหาร
ห่วงโซ่อาหาร
เปิดอ่าน 29,152 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ