จากการสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อน กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่โรงแรมเดอะรอยัล ริเวอร์ กรุงเทพฯ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวเปิดการสัมมนาว่า เท่าที่รับฟังรายงาน และพิจารณาภารกิจหลักของสำนักงาน สกสค.ที่รับผิดชอบการจัดสวัสดิการและสวัสดิภาพ เพื่อให้บริการกับมวลสมาชิกที่เป็นครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศจำนวนนับล้านคน ซึ่งหากรวมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัวของครูและบุคลากรทางการศึกษาแล้ว กลุ่มผู้รับบริการจะเพิ่มขึ้นหลายล้านคน ถือเป็นสมาชิกที่มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งในความเห็นของตน ครูและบุคลากรทางการศึกษาถือเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญมาก ดังนั้น การดูแลเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยการเติมเต็มศักยภาพครูเพื่อทำหน้าที่ในการจัดการศึกษาของชาติได้อย่างดีที่สุด จึงเป็นโจทย์ที่สำคัญของสำนักงาน สกสค.ในฐานะเจ้าภาพในการจัดสวัสดิการและสวัสดิภาพ ช่วยคิดหาวิธีการว่าจะต้องทำอย่างไรให้ครูมีขวัญและกำลังใจที่ดี ซึ่งขณะนี้ตนกำลังหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอยู่
“ผมจะให้ความสำคัญกับครูมาก เพราะครูคือผู้ที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็กและเยาวชนที่จะเข้ามาพัฒนาประเทศในอนาคต ดังนั้น จึงต้องพยายามสร้างขวัญและกำลังใจ รวมถึงแก้ไขปัญหาที่อาจจะเป็นอุปสรรคในการจัดการเรียนการสอน เช่น ปัญหาหนี้สินครู ซึ่งขณะนี้ผมมองแนวทางในการแก้ไขปัญหาไว้แล้ว แต่คงต้องดูในรายละเอียดให้รอบคอบก่อน ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ และจะรีบทำให้เห็นผลโดยเร็ว เพราะหากปล่อยครูให้มีปัญหารุมเร้า ครูก็จะไม่สามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับเยาวชนได้ และประเทศชาติก็คงจะลำบากแน่” รมว.ศธ. กล่าวและว่า แผนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมของบุคลากรเพื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 และครูคือองคาพยพที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศได้ นอกจากนี้ตนอยากเห็นสำนักงาน สกสค.นำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการบริหารงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมไปถึงการให้บริการในด้านต่างๆแก่ครู.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 22 ก.ค. 2562