องค์กรครูทั่วประเทศ100กว่าคน บุกศธพบ"ณัฏฐพล"ยินดีรับตำแหน่ง พร้อมเสนอปัญหา แนวทางแก้ไขปฎิรูปการศึกษา ส่วนรมว.ศธ.รับทุกข้อเสนอนำไปหารือ -แก้ปัญหา
วันนี้ (20ก.ค.)ที่กระทรวศึกษาธิการ(ศธ.)กลุ่มผู้แทนครูจากทั่วประเทศ ประมาณ 100คน นำโดยนายออน กาจกระโทก สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ได้เดินทางมาพบนายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) โดยนายออน กล่าวว่า กลุ่มองค์กรครูจากทั่วประเทศ อาทิ สมาคมผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย สมาคมผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประเทศไทย สมาพันธ์ครูและบุคลากรทางการศึกษา กศน. สมาพันธ์ศึกษานิเทศก์แห่งประเทศไทยและ สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทยเป็นต้น ได้มาแสดงความยินดีกับนายณัฏฐพล ที่เข้ารับตำแหน่ง และได้เสนอปัญหา อุปสรรคและแนวทางในการปฎิรูปการศึกษา โดยประเด็นที่เสนอจะ เป็นเรื่องโครงสร้างการบริหารงานกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งปัจจุบับมีเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.) เพียง 42เขต ขณะที่มี 77จังหวัด ทำให้การบริหารงานในเขตพื้นที่ไม่คล่องตัว จึงต้องการให้มีสพม.ครบทุกจังหวัด นอกจากนี้เสนปัญหาหนี้สินครู ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่ควรให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วม และการปรับหลักสูตรบางหลักสูตรที่ไม่สนองตอบยุทธศาสตร์ชาติ เป็นต้น
นายสงกรานต์ จันทรน้อย ครูโรงเรียนพัทลุง อดีตผู้แทนครูในคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) กล่าวว่า ตนมีข้อเสนอรมว.ศึกษาธิการ ควรจะรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือผู้ปฎิบัติงานมากขึ้น เพราะในการออกกฎ ระเบียบต่างๆที่ผ่านมาจะไม่มีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาร่วมจึงทำให้เกิดปัญหาในทางปฎิบัติ เกิดการร้องเรียนต่างๆตามมา หรือการเกษียณอายุราชการครูที่ควรจะขยายไปครูไปเกษียณอายุราชการเดือนมีนาคม เพื่อจะได้ส่งนักเรียนให้ถึงฝั่ง เป็นต้น
ด้านนายณัฏฐพล กล่าวว่า ตนได้รับฟังปัญหาจากองค์กรครู และจะนำความเห็นเหล่านี้มาประกอบกับข้อมูลของหน่วยงานในสังกัด ศธ. เพื่อที่จะแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม เช่น เรื่องโครงสร้างการบริหารงานของ ศธ. หนี้สินครู หลักสูตร และงบประมาณต่างๆ เป็นต้น ซึ่งตนเข้าใจถึงปัญหาและคงต้องหาแนวทางที่จะแก้ไข เบื้องต้นคิดว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่คงต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมใจจากองค์กรครู และผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วยในการแก้ไขปัญหาผ่านนโยบาย ไม่ใช่เป็นการแก้ไขปัญหาจากส่วนกลางเพียงทางเดียว เพื่อผลักดันการศึกษาไทยให้เดินไปข้างหน้า ซึ่งการประชุมหารือครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่ทั้ง 2 ภาคส่วน ได้มาพบกัน ตนในฐานนะผู้ที่นำเสนอนโยบายต่างๆ จะนำเสียงสะท้อนมาหารือกับ ผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ. เพื่อรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา หาสาเหตุที่ทำให้การแก้ปัญหาไม่สำเร็จ และจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
นายณัฏฐพล กล่าวต่อไปว่า ในที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงเรื่องร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ ซึ่งหลายฝ่ายก็มีข้อกังวลใน 2-3 ประเด็น ดังนั้นตนจึงขอเวลาไปศึกษาในรายละเอียด เกี่ยวกับที่มาที่ไป และความเหมาะสมความเป็นมาของกฎหมายดังกล่าวก่อน รวมถึงดูความกังวลให้ชัดเจนด้วยว่ามีในจุดไหนบ้าง ในเบื้องต้นตนคิดว่าน่าจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างแน่นอน และเราจะต้องมองผ่านไปถึงช่วงโหว่ที่อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ในอนาคต รวมถึงผลกระทบที่อาจจะมีเกิดขึ้น เพราะเราไม่ต้องการที่จะทำอะไรซ้ำซ้อนและต้องมีการกลับมาแก้ไข ดังนั้นจึงต้องทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพ ถึงแม้จะช้าแต่ก็ได้มีการศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ต่อข้อถามถึงการดำเนินการปรับโครงสร้างการบริหารงานของ ศธ. ที่มีความต้องการให้เพิ่มสพม.ให้ครบทุกจังหวัด นายณัฏฐพล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว ตนคงปรึกษากับผู้บริหารองค์กรหลักในการดำเนินการ ทั้งเรื่องผลกระทบ งบประมาณ ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการรับภาระด้านงบประมาณในระยะยาว เพราะตนเคยพูดแล้วว่า หากเราต้องการทำอะไรที่กระทบต่องบประมาณ เราก็จะต้องตัดบางส่วนที่จะทำให้การใช้งบประมาณเกิดความสมดุล ตนคงไม่เป็นผู้นำที่เพิ่มแต่งบประมาณโดยไม่ตัดงบประมาณที่ใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งคงต้องทำให้งบประมาณมีประสิทธิภาพทั้งระบบ ทั้งนี้หากเรารัดเข็มขัดตัวเอง นำเทคโนโยลีมาใช้ เพื่อทำให้งบประมาณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตนคิดว่า ศธ.น่าจะมีงบประมาณที่เหลือเพียงพอที่จะทำให้โครงการ หรือนโยบายต่างๆ ที่เป็นปัญหาอยู่ได้รับการแก้ไข อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน คาดจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2562