18ก.ค.62 - “ณัฏฐพล” นับหนึ่งบริหารศธ. ขอนำข้อมูลโรงเรียนทั้งหมด มาเอ็กซเรย์ศึกษาว่ามีปัญหาอะไรบ้าง แต่ยังให้ความสำคัญ เรื่องครู มา อันดับ 1 ควบคู่กับการยกระดับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้ทันโลก ส่วนประเด็น พ.ร.บ.การศึกษาฯ คงต้องมีการนำมาศึกษาในรายละเอียด
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า ตามที่ตนได้ดำรงตำแหน่ง รมว.ศธ. ตนเตรียมที่จะรับฟังข้อมูลทุกหน่วยงานเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานทั้งหมดของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อที่จะนำมาวิเคราะห์และต่อยอดพัฒนาให้โครงการต่างๆ ให้ดีขึ้น สำหรับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาตนก็จะรับฟัง และให้ความสำคัญกับครูเป็นอันดับหนึ่ง เพราะถือเป็นผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่เยาวชนของประเทศ ดังนั้นครูจะเป็นหน่วยในการขับเคลื่อนงานการศึกษา ที่สำคัญที่จะเข้าไปดูว่าจะยกระดับอย่างไร โดยต่อยอดจากสิ่งที่เป็นอยู่ และจะช่วยครูแก้ปัญหาต่างๆ อย่างไร
ทั้งนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่คู่ขนานกับครูก็คือหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน เนื่องจาก โลกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร และการเตรียมเยาวชนไทยให้พร้อมต่อโลกในวันข้างหน้า เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะขอดูการดำเนินงานในเรื่องนี้ของ ศธ. ก่อนว่ามีการดำเนินการมาอย่างไรบ้าง และถ้าเป็นการดำเนินการที่ดีอยู่แล้วก็จะผลักดัน รวมถึงดูเรื่องความพร้อมของบุคลากรทางการศึกษาให้มีความพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคตด้วย
นอกจากนี้คิดว่าคงต้องมีการนำข้อมูลของโรงเรียนในสังกัด ศธ.ทั้งหมด ซึ่งมีจำนวนมากมาศึกษาดูว่ามีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเป็นอย่างไร เพราะจากที่ได้รับทราบข้อมูลมาให้เบื้องต้น พบว่า มีปัญหาในหลายเรื่อง แต่ตนขอไม่ลงรายละเอียด เนื่องจากยังไม่ได้รับฟังข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานจริง
“เราต้องยอมรับความจริงว่าการศึกษาของประเทศไทยไม่ได้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องกลับมาดูว่าจะพัฒนาอย่างไรให้ยกระดับคุณภาพการศึกษา ซึ่งคงต้องเริ่มจากการดูแผนการดำเนินงานของ ศธ. ว่าผมสามารถเข้าไปช่วยในส่วนไหนได้ก็จะผลักดันอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ในส่วนของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ....นั้น ผมคิดว่าคงต้องมีการนำมาศึกษาในรายละเอียด และฟังที่มาที่ไปของในแต่ละประเด็น เพราะเรื่องนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อการศึกษาของประเทศ ดังนั้นการจะดำเนินการอะไรก็ต้องทำให้ดีที่สุด”รมว.ศธ.กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2562