ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ทำไม..ต้องมี..โรงเรียนพ่อแม่ลูก...เรื่องง่ายๆแต่ทำกันไม่เป็น....


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 6,426 ครั้ง
ทำไม..ต้องมี..โรงเรียนพ่อแม่ลูก...เรื่องง่ายๆแต่ทำกันไม่เป็น....

Advertisement

❝ เป็นเรื่องที่พ่อแม่และลูก....จะต้องเรียนรู้.... ❞


เมื่อคนเราต้องก้าวข้ามฐานะที่เคยอยู่คู่กับคู่ชีวิตมาเป็น “พ่อแม่” ของ “ลูก” เราต่างก็อดที่จะอาศัยประสบการณ์เดิม ๆ ที่เราเคยเป็นลูก มาเป็นเข็มทิศนำทาง หรือพาหนะเดินทางเพื่อเลี้ยงดูลูกของเรา ไม่ว่า ประสบการณ์นั้นจะเป็นประสบการณ์ที่สุขหรือทุกข์ สำเร็จหรือล้มเหลว และที่สำคัญเป็นประสบการณ์ที่เหมาะสม หรือสมควรกับเรา ลูกของเราหรือไม่อย่างไร ด้วยว่าสภาวะและสถานการณ์ในวันนี้ของเรากับลูกย่อมแตกต่างจากวันเวลาที่เราเคยเป็นลูกและได้รับประสบการณ์ต่าง ๆ นั้นมาอย่างชัดเจน

และหากประสบการณ์รวมทั้งวิธีการที่เราเคยมีแล้วใช้การไม่ได้ เข็มทิศนั้นทำให้เราหลงทาง พาหนะนั้นกับเครื่องร่วน จนเราอาจจะอ่อนใจ อ่อนแรง เมื่อลูกไม่เป็นดังใจ และเราไม่เป็นพ่อแม่ได้ดีเท่าที่เราคิด  เมื่อนั้น เราก็อดไม่ได้อีกที่จะฝากผีฝากไข้ไว้กับ ครูที่โรงเรียนบ้าง หรือคุณปู่คุณย่าคุณป้าคุณอาบ้าง เพื่อนบ้านบ้าง หรือแม้แต่รัฐบาล แล้วแต่อาการไข้ อาการทางใจในฐานะที่เป็นพ่อแม่นั้น เป็นอย่างไร รุนแรงมากน้อยแค่ไหน หากอาการรุนแรงก็ทำให้เราบ่อยครั้งรู้สึกว่า เราไม่มีกำลังหรือวิธีการที่จะดูแล “เขาหรือเธอ ลูก ๆ ของเรา” เอาเลย


“โรงเรียนพ่อแม่ลูก” เป็นอีกความพยายามหนึ่งของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นนักการศึกษา นักคิดนักปฏิบัติที่จะสรรหากิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้พ่อแม่ได้ปรับเข็มทิศ หรือเช็คพาหนะของตน ได้ทบทวนและใคร่ครวญประสบการณ์ และสร้างสรรค์ทางเลือกให้กับพ่อแม่ที่จะได้ดูแลลูก ๆ ด้วยกำลังของตน และพึ่งพาคำตอบหรือระบบจากภายนอกให้น้อยลง หรือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น 

“โรงเรียนพ่อแม่ลูก” เป็นมาอย่างไร?

โรงเรียนพ่อแม่ลูกเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งเกิดจากการค้นคว้าทดลองของนักคิด นักเขียนปฏิบัติทางการศึกษา อาจารย์วิศิษฐ์ วังวิญญู ผู้ยังใช้ชีวิตเป็นพ่อทางเลือก ผู้เลือกให้การศึกษากับลูกชายคนเดียวด้วยวิธีโฮมสกูล แทนที่จะส่งเข้าเรียนในกระแสหลักของระบบโรงเรียน เจ้าของผลงานเขียนและแปลทางการศึกษาหลายเล่ม โดยเฉพาะเล่มที่เป็นนิยมอย่างกว้างขวาง เช่น เด็กตามธรรมชาติ การศึกษาเพื่อความเป็นไท และโรงเรียนทำเอง เป็นต้น 

กิจกรรมการเรียนรู้โรงเรียนพ่อแม่นี้อาจารย์วิศิษฐ์ได้เชื้อเชิญ และนำมาแบ่งปันกับผู้สนใจ ในนามของมูลนิธิสังคมวิวัฒน์ ในจังหวัดเชียงราย และได้นำกิจกรรมนี้ไปเผยแพร่ในจังหวัดอื่น ๆ 


จากจังหวัดนครสวรรค์ เมืองที่เป็นบ้านเกิดของอาจารย์วิศิษฐ์ นักเรียนโรงเรียนพ่อแม่ในรุ่นแรก ๆ คือ อังคณา มาศรังสรรค์ หรือ ครูณา คุณแม่ลูกสอง เจ้าของกิจการโรงเรียน SMART & SMILE ในจังหวัดนครสวรรค์ได้ฝึกฝนกระบวนการเรียนรู้โรงเรียนพ่อแม่ ใคร่ครวญ และลองปฏิบัติกับลูกและคนข้างเคียง อีกทั้งยังนำไปแบ่งปันให้กับพ่อแม่ ครูอาจารย์ และผู้ปฏิบัติงานกับเด็กและเยาวชน ทั้งภาครัฐและเอกชน จนสะสมประสบการณ์และความชำนาญในการจัดการเรียนรู้ดังกล่าว

กิจกรรมเรียนรู้ “โรงเรียนพ่อแม่ลูก” ที่ว่านี้เป็นเช่นไร

กิจกรรมการเรียนรู้นี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริงที่ว่า เมื่อคนเราได้หันหน้าเข้าหากัน พูดคุยเสวนากันอย่างลึกซึ้ง เรามิได้เพียงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความเห็นของเราในเรื่องที่เรากำลังพูดคุยเท่านั้น แต่เราสามารถพบความรู้ใหม่ ๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของเรา ซึ่งรวมทั้งได้พบความเป็นไปได้ใหม่ที่เราจะดูแลความสัมพันธ์ของเราที่มีต่อคนอื่นและที่สำคัญกับตัวเราเองควบคู่กันไป โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่เราต้องเผชิญกับความแตกต่างอย่างสุดขั้ว

การหันหน้าเข้าหากัน เพื่อค้นพบความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในชีวิตในการเรียนรู้ของเราอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ในกระบวนทัศน์ใหม่ทางวิทยาศาสตร์และการศึกษา ของอนาคต

อะไรเกิดขึ้นเล่า เมื่อเรานำพาให้พ่อแม่หรือลูก ๆ ได้กลับมาหันหน้าเข้าหากัน ได้พูดคุยเรื่องราวของกันและกันในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ให้ต่างได้ยินเสียงของกันและกัน และที่สำคัญได้ยินเสียงของตัวเอง เมื่อนั้นความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่จะนำพาความเข้าใจและความผูกพันอันงดงามย่อมเกิดขึ้น 

ชีวิตความสัมพันธ์เดิมที่เป็นสุขน่าพึงพอใจอยู่แล้ว เราอาจจะได้เห็นโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่จะหล่อเลี้ยงความสุขนั้นให้ลึกซึ้งยั่งยืนยิ่งขึ้น ในทางตรงกันข้ามหากความสัมพันธ์ที่มีอยู่อาจจะกระอักกระอวลป่วนใจ เหมือนเดินบนทางอันขรุขระ เราอาจจะพบความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่คลี่คลายความคับข้องหมองใจนั้น ๆ หรืออย่างน้อยทำให้เราพบมุมมองใหม่ ๆ ที่จะเข้าใจอาการไม่ราบรื่นดังกล่าว

เราเรียนอะไร หรือเรียนอย่างไรใน “โรงเรียนพ่อแม่ลูก” ?

ผู้เข้าร่วมนั่งหันหน้าเข้าหากันเป็นวง เรานั่งกันอย่างผ่อนคลายบนพื้น หรือบนเก้าอี้ตามอัธยาศัย อย่างเอกเขนกตามสบาย การพูดคุยเสวนากันอย่างผ่อนคลาย (Optimum Learning Stage) เป็นสภาวะที่เกิดการเรียนรู้ระดับสูง

กิจกรรมพื้นฐานที่เรียกได้ว่า ใช้ตลอดการเรียนรู้ร่วมสองวันเป็นเวลาร่วม ๒๐ ชั่วโมง คือการรับฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening) การรับฟังอย่างไม่คาดหวัง และเปิดรับ ไม่พิพากษาตัดสิน โดยรับฟังทั้งข้อความสาระ และสาสน์จากใจของผู้พูด และเราก็ใคร่ครวญในเรื่องราวที่เราจะแบ่งปันในสาสน์ที่เราจะมอบให้ผู้อื่นอย่างไม่คาดคั้น

การรับฟังอย่างลึกซึ้งดังกล่าวจะช่วยนำพาให้เราได้เล่าเรื่อง(Story Telling) หรือได้ยินเรื่องราวของเพื่อน ๆ ในวงที่ซื่อตรงและอุดมไปด้วยเกร็ดชีวิตที่เป็นเคล็ดวิชาของพ่อแม่ หรือลูกที่เราได้เรียนรู้จากกันและกัน หรือเรียนรู้ผ่านเรื่องเล่าของกระบวนกรที่ได้ค้นพบวิธีการพูดและฟังอย่างได้ผลกับคนในครอบครัว


เรามิได้เพียงแต่รับฟังกันและกันในวงเสวนา แต่เรานำพาตัวเราเองได้รับฟัง “เสียงภายใน”ของตัวเราเอง (Voice Dialogue) ซึ่งหมายถึงเสียงบางเสียงของเราที่เราอาจจะละทิ้ง หรือละเลยที่จะรับฟัง เป็นเสียงที่นำเราให้เข้าไปเฝ้ามองเฝ้าฟังตัวตนของเราเองที่เราอาจะจะไม่คุ้นเคย แต่เป็นเสียงที่นำเราไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่จะรู้จักตัวเองและคนสำคัญรอบข้างที่แตกต่างจากเราอย่างคนละขั้ว

ครูณาและคณะ เป็นผู้นำพากระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น ตามจังหวะจะโคนที่เหมาะสมกับผู้เรียนรู้และสอดคล้องกับวาระของผู้เข้าร่วม สลับกับการบรรยายสั้น ๆ ในเนื้อหาที่เป็นพื้นฐานของการหันหน้าเข้าหากัน เช่น การทำงานของสมองสามชั้น โหมดทั้งสองของการดำรงชีวิต  และทิศทั้งสี่ของการเป็นผู้นำ ซึ่งรวมความถึงการเป็นผู้นำครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชา "พูดอย่างไรให้ลูกฟัง ฟังอย่างไรให้ลูกพูด" ซึ่งถือว่าเป็นวิชาสำคัญของโรงเรียนพ่อแม่           

“โรงเรียนพ่อแม่ลูก” เพื่อใคร?


ในการจัดการเรียนรู้ “โรงเรียนพ่อแม่” ในกรุงเทพมหานครนี้ ชื่อนี้ได้แต่งเติมให้สมบูรณ์ขึ้นด้วยชื่อใหม่คือ “โรงเรียนพ่อแม่ลูก” เนื่องด้วยการเรียนรู้นี้ นอกจากจะออกแบบมาให้พ่อแม่ได้เรียนรู้ที่จะดูแลลูก ๆแล้ว ก็ยังเหมาะสมสำหรับที่ลูก ๆ จะเรียนรู้ที่จะดูแลรับฟังพ่อแม่ (รวมทั้งคุณย่าคุณยายคุณตาคุณปู่ หรือแม้กระทั่งพ่อแม่สามี) ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นและสำคัญอย่างยิ่งให้พ่อแม่ได้เรียนรู้ที่จะดูแลกันและกันในฐานะคู่ชีวิต

นอกจากนั้นการเรียนรู้นี้ก็เหมาะกับนักการศึกษา เช่นครู อาจารย์ผู้ทำงานกับเยาวชนทั้งที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ นักทำงานกับชุมชน และรวมทั้งผู้ทำงานสื่อมวลชน และสามัญชนที่กำลังแสวงหา ประสบการณ์ เรื่องราวการเรียนรู้ใหม่ ๆ ที่จะเป็นแนวทางให้กับสังคมยุคใหม่ 

“โรงเรียนพ่อแม่ลูก” การหันหน้าเข้าหากันสำหรับวันนี้ เพื่อวันหน้า?

สังคมในอนาคตของที่ฝากความหวังไว้กับคนรุ่นเดิมที่จะเสวนาเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ ทั้งในครอบครัวและในชีวิตประจำวัน อีกทั้งความหวังที่จะสามารถค้นพบจุดร่วมท่ามกลางความแตกต่างทั้งความคิด ความรู้สึกและอุดมการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคนใกล้ชิดและคนสำคัญในชีวิตของกันและกัน

อนาคตที่ดูเหมือนว่า “การหันหน้าเข้าหากัน”อย่างลึกซึ้งและจริงใจ ดูจะเป็นหนทางหนึ่งที่จะเป็นหนทางรอดให้กับครอบครัว และสังคมที่กำลังต้องการเยียวยารักษาผู้คนให้เข้มแข็งเพื่อชีวิตที่ร่มเย็นของสมาชิกทุกคนที่จะมีชีวิตร่วมกัน 


สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

voicedialoguework@gmail.com
 
  บันทึกการเข้า

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 3113 วันที่ 29 เม.ย. 2552


ทำไม..ต้องมี..โรงเรียนพ่อแม่ลูก...เรื่องง่ายๆแต่ทำกันไม่เป็น....

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ภาพประกอบ

ภาพประกอบ


เปิดอ่าน 6,447 ครั้ง
ความชั่วไม่มีวัน...หนีพ้น

ความชั่วไม่มีวัน...หนีพ้น


เปิดอ่าน 6,453 ครั้ง
วิธีกำจัดเห็บ หมัด สุนัข

วิธีกำจัดเห็บ หมัด สุนัข


เปิดอ่าน 6,438 ครั้ง
ผมยาวไว...ทันใจคนสวย..

ผมยาวไว...ทันใจคนสวย..


เปิดอ่าน 6,470 ครั้ง
***11 ข้อคิดเกี่ยวกับเซ็กส์***

***11 ข้อคิดเกี่ยวกับเซ็กส์***


เปิดอ่าน 6,501 ครั้ง
ธรรมะ  คือ สภาวะเหนือโลก....

ธรรมะ คือ สภาวะเหนือโลก....


เปิดอ่าน 6,421 ครั้ง
จากนิทาน..>>สู่งานวิจัย

จากนิทาน..>>สู่งานวิจัย


เปิดอ่าน 6,430 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ดอกสวย...แต่แฝงพิษร้าย

ดอกสวย...แต่แฝงพิษร้าย

เปิดอ่าน 6,674 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡

เปิดอ่าน 6,424 ☕ คลิกอ่านเลย

พนมเปญ ประเทศกัมพูชา
พนมเปญ ประเทศกัมพูชา
เปิดอ่าน 6,439 ☕ คลิกอ่านเลย

นิทานเวตาล ....เรื่องที่ 6
นิทานเวตาล ....เรื่องที่ 6
เปิดอ่าน 6,481 ☕ คลิกอ่านเลย

พูดคล่องเหมือนล่องน้ำ
พูดคล่องเหมือนล่องน้ำ
เปิดอ่าน 6,453 ☕ คลิกอ่านเลย

- - - - - - - ->10 วิธี ทำให้มีความสุข น่ารักดี<
- - - - - - - ->10 วิธี ทำให้มีความสุข น่ารักดี<
เปิดอ่าน 6,448 ☕ คลิกอ่านเลย

เพื่อนกับแฟน ?????
เพื่อนกับแฟน ?????
เปิดอ่าน 6,437 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

William Herschel (วิลเลียม เฮอร์เชล) : ผู้ค้นพบอินฟราเรด และ ดาวยูเรนัส
William Herschel (วิลเลียม เฮอร์เชล) : ผู้ค้นพบอินฟราเรด และ ดาวยูเรนัส
เปิดอ่าน 3,978 ครั้ง

"5 บ่วงอันตราย" เตือนคนทำงานมือใหม่ อย่าตกหล่ม !!
"5 บ่วงอันตราย" เตือนคนทำงานมือใหม่ อย่าตกหล่ม !!
เปิดอ่าน 14,616 ครั้ง

กิน เบต้าแคโรทีน มากไป เสี่ยงมะเร็ง
กิน เบต้าแคโรทีน มากไป เสี่ยงมะเร็ง
เปิดอ่าน 15,063 ครั้ง

มะระจีน
มะระจีน
เปิดอ่าน 17,614 ครั้ง

บารัค โอบามา (Barack Obama)
บารัค โอบามา (Barack Obama)
เปิดอ่าน 13,929 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ