10 มิ.ย.62 - นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาฯ กอศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประกาศคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ซึ่งมีตำแหน่งว่าง ทั้งหมด 304 อัตรา แบ่งเป็น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) จำนวน 248 อัตรา และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) จำนวน 56 อัตรา โดยมีกำหนดการคัดเลือกดังนี้ ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือก ในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2562 สอบข้อเขียนภาค ก วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2562 ประกาศรายชื่อผู้ผ่านภาค ก และ ข วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2562 สอบสัมภาษณ์ ภาค ค ระหว่างวันที่ 9-11 สิงหาคม พ.ศ.2562 ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2562
ทั้งนี้ผู้ผ่านการคัดเลือกจะต้องผ่านการพัฒนาก่อนการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สพท. ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนด ส่วนผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งจะประกาศตามลำดับที่และตามจำนวนตำแหน่งว่างที่ประกาศรับสมัครโดยจะไม่มีการขึ้นบัญชี รวมถึงผู้ได้รับการบรรจุแต่งตั้งต้องได้รับการประเมินผลสัมฤทธิ์การปฎิบัติงานในหน้าที่เพื่อพัฒนาการศึกษาระยะเวลา 1 ปี ทั้งนี้จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งภายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ทันที
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนมีความเป็นห่วงใย เรื่อง การขาดตำแหน่งผู้บริหารเป็นเวลานานเกินไป และอยากให้การพัฒนาคุณภาพการศึกษามีความต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงช่วงการเกษียณอายุราชการจะพบว่ามีตำแหน่งว่างหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งในส่วนของ ผอ.และรอง ผอ.สพท.รวมถึงผู้บริหารสถานศึกษา และตำแหน่งรองผอ.สถานศึกษาที่ว่างอยู่ตอนนี้ ประมาณ 4,000 อัตรา ซึ่งแต่ละตำแหน่งที่ว่างลงนั้นมีการว่างเป็นเวลานานมากส่งผลต่อการทำงานพัฒนาคุณภาพการศึกษา อีกทั้งในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ จะมีตำแหน่งว่างจากการเกษียณอายุราช ได้แก่ ผอ.สพท.ว่าง 35 ตำแหน่ง รองผอ.สพท. 116 ตำแหน่ง ผอ.ร.ร. 2,294 ตำแหน่ง และรองผอ.ร.ร.330 ตำแหน่งด้วย ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศในการปฏิบัติงานและให้งานพัฒนาคุณภาพการศึกษามีความต่อเนื่องมากขึ้น
จึงมีแนวคิดปรับปรุงหลักเกณฑ์วิธีการบรรจุและแต่งตั้งเพื่อคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา รวมถึงหลักเกณฑ์การบรรจุแต่งตั้งผอ.และรองผอ.สพท.
ขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานวิเคราะห์หลักเกณฑ์ต่างๆ จนได้ข้อสรุปเป็นหลักการกว้างๆ คือ การคัดเลือกบรรจุและแต่งตั้งผอ.และรองผอ.สถานศึกษา เพราะขณะนี้ ก.ค.ศ.ได้ให้อำนาจส่วนราชการในการคัดเลือกตำแหน่งผอ.และรองผอ.สถานศึกษาได้ โดยตนได้มีการปรับปรุงเกณฑ์การคัดเลือกตำแหน่งดังกล่าวคือ จะมีการสอบภาค ก วัดความรู้ ใช้แฟ้มสะสมผลงาน และการประเมินแบบ 360 องศา พร้อมกับกระจายอำนาจการสอบคัดเลือกไปให้ศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ดูแลการจัดสอบและออกข้อสอบ ส่วนเกณฑ์การคัดเลือกผอ.และรองผอ.สพท.ส่วนกลาง คือ สพฐ.จะเป็นผู้กำกับดูแล และอนาคตจะมีการขึ้นบัญชีไว้ 2 ปี โดยจากนี้ไปการคัดเลือกตำแหน่งผู้บริหารดังกล่าวเราจะไม่รอให้มีตำแหน่งว่างแล้วค่อยมาจัดสอบ แต่จากนี้ไปหากโรงเรียนหรือเขตพื้นที่ใดมีข้อมูลตำแหน่งว่างให้จัดสอบได้เองทันที โดยจะต้องสำรวจแล้วสอบก่อนล่วงหน้า 4 เดือนก่อนเดือนต.ค.ของทุกปีที่จะมีการเกษียณอายุราชการ เพื่อเราจะได้บุคลากรเข้ามาเติมเต็มตำแหน่งว่างได้
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562