“สมคิด” เข้ากระทรวงศึกษาธิการวันแรก มอบนโยบายการศึกษาสร้างความสามารถ-คาแรคเตอร์เด็กไทย แนะผู้บริหารใช้สมองชงเรื่องดีเสนอ ไม่ใช่ใช้เวลาเอาใจรัฐมนตรี
วันนี้ (23 พ.ค.) เมื่อเวลา 9.30 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน รมว.ศธ. เดินทางเข้า ศธ.วันแรก โดยได้สักการะพระพุทธรูปประจำกระทรวง และ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมประชุมมอบนโยบายการทำงานแก่ผู้บริหาร ศธ. โดย ดร.สมคิด กล่าวว่า ศธ. เป็นกระทรวงสำคัญในการสร้างบุคลากร ถ้าสร้างคนไม่ดีประเทศพัง ซึ่งหน้าที่การศึกษามี 2 เรื่อง คือ 1. การสร้างทักษะความรู้ ความสามารถให้แก่บุคลากรในอนาคตที่สอดรับกับทิศทางการพัฒนาประเทศ 2.การสร้างมีคาแรคเตอร์หรือบุคลิกและค่านิยมที่ถูกต้องให้แก่เด็ก เช่น มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม มีความกตัญญู เคารพผู้ใหญ่ ซึ่งบุคลิกและค่านิยมเหล่านี้จะจัดระเบียบให้เป็นมนุษย์ ในต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะความผิดชอบกับบ้านเมืองมาก ถ้าพูดถึงเรื่องความไม่ซื่อสัตย์เด็กของเขาจะไม่ยอมรับเลย แต่เด็กไทยเมื่อพูดถึงการโกง เอาเปรียบชาวบ้านเรารับกันได้ ทั้งนี้ ถ้าสร้างให้เด็กไทยมี 2 เรื่องดังกล่าวได้ จะทำให้เด็กเข้มแข็ง มีหลักยึด มีภูมิต้านทานในการใช้ชีวิต ตัวเด็กเก่งและประเทศก็ไม่มีปัญหา เพราะคนของเราอับอายเรื่องการโกง ไม่ใช่นับถือคนรวยเป็นพ่อ ซึ่งวิธีการบ่มเพาะในโรงเรียนและครูมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องต่างๆ เหล่านี้
รักษาการ รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยยุค 4.0 ต้องการแรงงานรุ่นใหม่ 4 แสนกว่าคนในเวลาไม่กี่ปี ซึ่งตนได้เน้นย้ำเรื่องการเชื่อมต่อการศึกษาระดับอุดมศึกษา กับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งศธ.ต้องไปคุยกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ว่าอุดมศึกษาต้องการอะไร เพราะข้างบนไปไม่ได้ถ้าข้างล่างไม่ขยับ และภายใน 4-5 ปีนี้ มหาวิทยาลัยคงไม่สามารถผลิตกำลังคนได้เพียงพอต่อความต้องการแน่นอน อาชีวศึกษาจะเข้ามามีบทบาทสำคัญและตนได้ย้ำกับมหาวิทยาลัยไปแล้วว่าอย่าหวงก้างให้ใช้พลังเอกชนมาช่วย ไม่ใช่อะไรก็พึ่งพาแต่งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งอาชีวะก็ต้องดึงพลังจากภายนอกมาช่วยผลิตกำลังคนเช่นกัน ในอนาคตไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องไปหาปริญญาตรี ปริญญาโท บุคคลใดต้องการมีวิชาชีพ ต้องการทำธุรกิจด้วยตนเองก็สามารถศึกษาด้านอาชีวะได้
ดร.สมคิด กล่าวอีกว่า เด็กไทยมีสมองดีแต่การเข้าถึงการศึกษายังมีปัญหา เราจะต้องรู้จักใช้เทคโนโลยี พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น ทำชุดคลิปการสอน เป็นต้น ปัญหาสำคัญที่ทุกคนรู้ คือ เราขาดแคลนครู แต่จะให้ครูยุคเก่ามาสอนเด็กยุคใหม่ก็คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ต้องมีการนำครูมาอบรมทักษะความสามารถใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยและใครผ่านการอบรมแล้วก็ส่งกลับไปยังหมู่บ้าน มีการเพิ่มเงินเดือนให้ ซึ่งต้องมีการตั้งทีมมาคิดเรื่องนี้ ตนยังได้เน้นย้ำว่าข้อมูลข่าวสารหรือบิ๊กดาตาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก ถ้าเป็น ศธ.แล้วไม่มีข้อมูลอะไรเลย นโยบายการศึกษาก็ได้แต่เป็นการเดาและก็ทำ จะผิดพลาดหรือถูกต้องก็ไม่มีใครรู้
“ในส่วนของกฎหมายต่างๆนั้น กฎ ระเบียบ ไม่ได้มีไว้กอด มีไว้ใช้ อะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลง ก็ต้องเปลี่ยน แต่ต้องเปลี่ยนแล้วสอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่ง ศธ.ต้องไปดูว่าระเบียบใดที่ล้าหลัง ไม่ทันสมัย และเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ตนหวังที่จะเห็น 4 องค์กรหลักของ ศธ.ไม่ใช่เป็นแท่งขนาน แต่ต้องเป็นแท่งที่บรรจบกันสามัคคีกันร่วมกันทำงาน และตนอยากให้ผู้บริหาร ศธ.เข้มแข็ง ใช้สมองความสามารถที่มีชงเรื่องดีๆมาให้รัฐมนตรี ไม่ใช่ใช้เวลาส่วนใหญ่เอาใจรัฐมนตรี”ดร.สมคิด กล่าว.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม 2562
ขอบคุณภาพประกอบจาก YouTube