15 พ.ค.62- บอร์ด อิสระฯ เตรียมจัดทำรายงานภารกิจเสนอ รัฐบาล ภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมเสนอให้อิสระสถานศึกษา ดำเนินรูปแบบนิติบุคคลให้เต็มที่ มีกฎหมายรองรับในการดำเนินการ และสามารถหารายได้ป้อนตัวเองได้ รวมทั้งเสนอปรับโครงสร้างศธ.เน้นคลายอำนาจจากส่วนกลาง
นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการศึกษา กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการอิสระฯ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาผลการดำเนินงานด้านการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ซึ่งทางคณะกรรมการอิสระฯ จะจัดทำรายงานภารกิจงานทั้งหมด หรือ commission report เพื่อจัดทำเป็นข้อสรุปชี้แจงการทำงานด้านการปฏิรูปการศึกษาทั้งหมดที่ผ่านมา เกี่ยวกับข้อมูลทั้งหมด รวมถึง แนวทางการแก้ปัญหา เพื่อนำเสนอรัฐบาลเป็นข้อมูลต่อไป ซึ่งเรื่องนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกิน 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าเรื่องของการปฏิรูปการศึกษา ไม่ใช่เรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ปัญหาการศึกษาจะต้องลงลึกไปถึงต้นตอของปัญหา พร้อมกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์ รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญของการแก้ปัญหาการศึกษาให้ชัดเจน ส่วนกรณีที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ....ที่ถูกตกไปนั้น ตนไม่มีความเห็น เพราะคณะกรรมการอิสระฯ มีหน้าที่แค่เสนอให้รัฐบาลเท่านั้น
ด้านนายชัยยุทธ ปัญญสวัสดิ์สุทธิ์ ประธานคณะอนุกรรมการปฏิรูปโครงสร้างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เสนอการดำเนินการเรื่อง ทำให้สถานศึกษามีความเป็นอิสระจริง โดยในด้านวิชาการ จะต้องมีการจัดตั้งสถาบันที่เข้ามาดูแลหลักสูตรต่างๆ และการเรียนรู้ มีช่องทางให้โรงเรียนสามารถพัฒนาการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับพื้นที่ได้ ด้านงบประมาณ ต้องเปิดช่องให้โรงเรียนมีอิสระในการหารายได้เอง รวมถึงจะต้องมีกฎหมายที่ทำให้เกิดการเป็นนิติบุคคลของโรงเรียนเป็นจริงในทางปฎิบัติ เพราะแม้ว่าในพ.ร.บ.การศึกษาชาติปี 2542 จะมีการกำหนดให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคล แต่ก็ไม่มีกฎหมายอื่นมารองรับในการดำเนินการอีก นอกจากนี้ ในส่วนของเรื่องการบริหารงานบุคคล ควรจะต้องมีการจัดกลุ่มโรงเรียนตามความพร้อม เช่น กลุ่มที่มีความพร้อมน้อยที่สุด คือ โรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล กลุ่มโรงเรียนที่มีความพร้อมที่สามารถยกระดับได้ คือ โรงเรียนขนาดกลาง โรงเรียนวัตถุประสงค์พิเศษ และกลุ่มโรงเรียนที่มีศักยภาพสูง เป็นต้น เพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อการบริหารงานแต่ละกลุ่มโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“นอกจากนี้ที่ประชุมได้เสนอหลักคิดการปรับโครงการของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยต้องมีการถ่วงดุลอำนาจของระดับนโยบายและหน่วยปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณและแผนการทำงาน รวมถึงแต่ละองค์กรหลัก ศธ.จะต้องลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เช่น เรื่องฐานข้อมูล ที่สามารถจัดทำฐานข้อมูล Big Data กลางโดยไม่จำป็นต้องกลุ่มงานสารสนเทศในทุกองค์กรหลัก และมีซึ่งหลังจากนี้คงต้องผลักดันให้สภาการศึกษา (สกศ.) ช่วยวิเคราะห์เรื่องการจัดบทบาทหน้าที่ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอในการปรับโครงสร้างศธ.ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ให้เป็นแผนในการขับเคลื่อนต่อไป”ประธานคณะอนุฯ ปฏิรูปโครงสร้าง กล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2562