ช่วงนี้ทุกท่านคงได้ทราบข่าวคราวว่าสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) และองค์กรครูอื่นๆอีกหลายองค์กร ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการทบทวนร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติที่ร่างโดยคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ) และขอให้ระงับการบังคับใช้ร่างกฎหมายดังกล่าวจนกว่าจะมีการพิจารณาใหม่โดยให้มีผู้แทนครูมีส่วนร่วมในการพิจารณา นั้น ผมทราบข้อมูลมาว่าคุณครูบางท่านรู้สึกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องของผู้อำนวยการโรงเรียน ไม่เกี่ยวข้องกับคุณครูและบางท่านอาจคิดไปถึงขั้นว่าทำไมบรรดาผู้อำนวยการโรงเรียนจึงติดยึดกับหัวโขนกับคำว่า “ผู้อำนวยการ” การเปลี่ยนตำแหน่งเป็น “ครูใหญ่” ไม่น่าจะเสียหายอะไร นั้น
ผมขอเรียนให้ทราบว่าผมเป็นข้าราชการบำนาญและร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวแม้มีผลบังคับใช้ก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับผมเลยแต่ผมตรวจสอบพบความผิดปกติบางอย่างในส่วนที่เกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติฯฉบับนี้ และความผิดปกตินี้อาจมีผลกระทบต่อคุณครูและผู้อำนวยการโรงเรียนโดยที่ไม่รู้ตัว ดังนี้
๑. ข่าวไทยรัฐออนไลน์ วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๙ พาดหัวข่าวว่า “คำสั่งมาตรา ๔๔ ที่ ๖/๒๕๕๙ ยกเลิกตำแหน่งและเงินประจำตำแหน่งพนักงานสอบสวน ลงนามโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เจ้าหน้าที่ตำรวจตำแหน่งพนักงานสอบสวนทั่วประเทศถูกตัดเงินค่าตำแหน่งจนเกลี้ยงบัญชี แต่ยังทำงานเหมือนเดิม สถานที่เดิม หน้าที่เดิม โต๊ะทำงานเดิม แค่เปลี่ยนชื่อตำแหน่งและถูกตัดเงินประจำตำแหน่งทั้งหมด ต่อมา พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.เทียนทะเล ในฐานะเลขาธิการสหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อพลเอกประยุทธ์ฯเพื่อให้ทบทวนคำสั่งนี้ กระทั่งเกิดเหตไม่คาดฝันเมื่อ พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ หายออกจากบ้านไปสองวันกระทั่งกลับมาผูกคอตายในบ้านพักของตัวเอง จนสุดท้ายหลังการตาย ตัวแทนสหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ ออกมาขอยุติบทบาท
๒. ข่าวมติชนออนไลน์วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เสนอข่าวว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปลี่ยนชื่อตำแหน่งพนักงานสอบสวนดังนี้ พนักงานสอบสวน (เดิม) เปลี่ยนเป็น “รองสารวัตร (สอบสวน) พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ (เดิม) เปลี่ยนเป็น “สารวัตร (สอบสวน) พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ (เดิม) เปลี่ยนเป็น รองผู้กำกับการ(สอบสวน)
๓. ข่าวไทยรัฐออนไลน์ วันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ เสนอข่าวว่าเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ พล.ต.อ.พงศ์พัศ พงษ์เจริญ ยืนยันว่า “การยุบตำแหน่งพนักงานสอบสวน นั้นสิทธิที่เคยได้รับยังได้รับเหมือนเดิม” แต่จนถึงปัจจุบันเงินค่าตำแหน่งก็ยังถูกตัดไป
๔. บรรดาพนักงานสอบสวนทุกรายเคยได้รับเงินประจำตำแหน่งเมื่อเปลี่ยนชื่อแล้ว ยังคงทำหน้าที่เดิมแต่ถูกตัดเงินประจำตำแหน่ง
๕. คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ) ได้ยกร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ โดยไม่มีผู้แทนครูหรือผู้แทนผู้บริหารโรงเรียนไปร่วมเป็นคณะทำการร่างกฎหมายดังกล่าวแม้แต่คนเดียว
๖. คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ) ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นหลายครั้งแต่ไม่ได้เอาร่างกฎหมายทั้งฉบับมานำเสนอที่ประชุม
๗. ในการรับฟังความคิดเห็นแต่ละครั้งนั้น กอปศ ไม่ได้มีการหยิบยกประเด็นเรื่องเหล่านี้ขึ้นนำเสนอเพื่อรับฟังความคิดเห็น
๗.๑ “การเปลี่ยนตำแหน่งผู้อำนวยการเป็นอาจารย์ใหญ่”
๗.๒ “การเปลี่ยนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพครูเป็นใบรับรองความเป็นครู”
๗.๓ “การให้มีผู้ช่วยครูใหญ่โดยผู้ช่วยครูใหญ่อาจไม่จำเป็นต้องเป็นครูมาก่อน”
๘. การดำเนินการของ กอปศ ตามข้อ ๗ จึงถือว่าเป็นการหมกเม็ดที่น่าเชื่อว่ามีการหวังผลบางประการที่ผู้อำนวยการโรงเรียนและคุณครูคาดไม่ถึง
๙. วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงผู้ที่จะเป็นครูได้จึงต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเช่นเดียวกับวิชาชีพอื่นๆเช่น แพทย์หรือวิศวกร เป็นต้น
๑๐. นอกเหนือจากเงินเดือนปกติแล้วข้าราชการอื่นที่มีวิทยฐานะชำนาญการพิเศษจะได้รับเงินค่าตอบแทนวิทยฐานะ เดือนละจำนวน ๕,๖๐๐ บาท แต่ในขณะที่คุณครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ นอกเหนือเงินเดือนแล้ว ยังจะได้เงินค่าตอบแทนวิทยฐานะ เดือนละ ๕,๖๐๐ บาทและยังจะได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษอีกเดือนละ ๕,๖๐๐ บาท เหตุผลที่ครูได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษอีก ๕,๖๐๐ บาทนั้นเนื่องจากเป็นวิชาชีพชั้นสูงโดยผู้ที่จะมาประกอบวิชาชีพครูนั้นต้องได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมาก่อน
๑๑. หากพิเคราะห์ความผิดปกติจะพบว่าก่อนที่พนักงานสอบสวนจะถูกตัดเงินประจำตำแหน่งนั้นได้มีการเปลี่ยนชื่อตำแหน่งของพนักงานสอบสวนก่อนแล้วจึงตัดเงินประจำตำแหน่งออกจนหมด สำหรับผู้อำนวยการโรงเรียนก็เช่นเดียวกันขณะนี้มีการระบุไว้ในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติให้ยกเลิกตำแหน่ง “ผู้อำนวยการโรงเรียน” แล้วให้มาใช้ตำแหน่ง”ครูใหญ่” จึงเชื่อว่าบันไดขั้นต่อไปคือการตัดเงินประจำตำแหน่งออกไปเหมือนอย่างที่พนักงานสอบสวนโดนไปแล้ว ขนาดมีการผูกคอตายด้วยเรื่องนี้ก็ไม่สามารถช่วยให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งได้
๑๒ ในส่วนของคุณครูนั้นหากพิเคราะห์ให้ดีจะพบความผิดปกติคือ ทุกวันนี้คุณครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษได้เงินค่าตอบแทนวิทยฐานะ เดือนละ ๕,๖๐๐ บาทและยังจะได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษอีกเดือนละ ๕,๖๐๐ บาท ที่คุณครูได้เงินค่าตอบแทนพิเศษเพราะคุณครูมีใบประกอบวิชาชีพครู แต่ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับนี้ ได้บัญญัติให้ยกเลิก “ใบประกอบวิชาชีพครู” และให้มี “ใบรับรองความเป็นครู” แทน ดังนั้นหากคุณครูไม่มีใบประกอบวิชาชีพครูก็ย่อมต้องถือว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษ โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เพราะเป็นผลของกฎหมาย ที่น่าสงสัยคือการเปลี่ยนจาก “ใบประกอบวิชาชีพครู” เป็น “ใบรับรองความเป็นครู” นั้นมีเหตุผลอะไร ถ้าพิเคราะห์จากความหมายก็แตกต่างกัน
หากพวกท่านนิ่งดูดายไม่มาร่วมด้วยช่วยกันเพื่อรักษาสิทธิที่เคยมีอยู่ พวกท่านก็อาจจะต้องรับชะตากรรมเช่นเดียวกับบรรดาพนักงานสอบสวน แต่ผู้ที่ไม่เดือดร้อนเลยคือพวกของผม “ข้าราชการบำนาญ” ซึ่งห่วงใยพวกท่านมากมาย
ด้วยความห่วงใย
นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ
นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒
ข้อมูลจาก ดร.รัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย วันที่ 13 พ.ค.2562