29เม.ย.62 - บอร์ด อ.ก.ค.ศ.วิสามัญฯ เห็นชอบ เปิดกว้าง ให้บุคคลภายนอก ที่ไม่เคยมีประสบการณ์เป็นครูมาก่อน สามารถเข้ารับการสรรหา คัดเลือก ให้มาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนร่วมพัฒนาได้ โดยเตรียมชงเข้า บอร์ด ก.ค.ศ.อนุมัติ พ.ค.นี้
นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญเฉพาะกิจเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School) ได้มีมติเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องการโอน ย้าย และสรรหาผู้บริหารสถานศึกษาในโครงการนี้ โดยระเบียบเรื่องนี้จะออกแบบคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารสถานศึกษาไว้ 3 ส่วน คือ ต้องมีคุณสมบัติกลางที่เป็นมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และต้องมีคุณสมบัติตามวัตถุประสงค์หลักของโครงการฯ ซึ่งจะกำหนดโดยคณะกรรมการโรงเรียนร่วมพัฒนา เช่น ต้องมีวิสัยทัศน์มองไปข้างหน้า สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ เป็นต้น และคณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนยังสามารถกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมให้ตรงกับความต้องการและบริบทของโรงเรียนได้ด้วย โดยในส่วนที่ของคุณสมบัติกลางของ สพฐ.และคุณสมบัติตามวัตถุประสงค์โครงการฯ ส่วนกลางจะเป็นผู้กำหนดให้ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และไม่มีความหลากหลายมากจนเกินไป
นพ.อุดม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา ว่า จะแยกออกจากการคัดเลือกในระบบปกติ และเปิดกว้างให้ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และสนใจเข้ามาสมัครได้ไม่จำเป็นต้องเป็นข้าราชการครูเท่านั้น โดยในกรณีบุคคลภายนอกจะกำหนดให้ดำรงตำแหน่ง 4 ปี และจะมีการประเมิน ติดตาม รายปีทุกปีด้วย ซึ่งหากประเมินแล้วไม่ผ่านสามารถยกเลิกสัญญาได้ และตนยังได้มอบหมายให้ที่ประชุมไปศึกษาแนวทางเรื่องค่าตอบแทนว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร เนื่องจากอัตราเงินเดือนมีกฎหมายกำหนดชัดเจนจะให้เกินไม่ได้ โดยอาจจะให้เป็นค่าสนับสนุนเพิ่มเติมจากฐานเงินเดือน นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์ เรื่องการประเมินผลงานของครูในโครงการฯ ซึ่งจะใช้แนวทางปกติของ ศธ.ที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว แต่จะเพิ่มเติมในส่วนของผลงานที่จะมาใช้มานับเป็นภาระงานได้ เช่น การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ หรือภาระงานที่เป็นข้อตกลงร่วมกับภาคเอกชนที่สนับสนุนโรงเรียน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อจากนี้จะต้องนำร่างระเบียบดังกล่าวเสนอให้ที่ประชุม ก.ค.ศ.เพื่อพิจารณาต่อไป ในเดือนพฤษภาคมนี้
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้จาก ไทยโพสต์ วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562