สพฐ.ขอเคลียร์ตำแหน่งว่างรองผอ.สพท.ก่อนประกาศคัดเลือกกว่า 400 ตำแหน่ง ขณะที่ รอง ผอ.โรงเรียน ก็รอมติ ก.ค.ศ.อย่างเป็นทางการเช่นกัน
วันนี้ (22 เม.ย.) ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวถึงการคัดเลือกรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ได้รับข้อมูลและทราบดีว่า ขณะนี้ สพท.กำลังมีปัญหาขาดผู้ปฏิบัติหน้าที่ รอง ผอ.สพท.ถึง 400 กว่าตำแหน่ง บางเขตเหลือเพียง ผอ.สพท.ปฏิบัติงานเพียงคนเดียว ซึ่ง สพฐ.ก็กำลังเร่งดำเนินการเพื่อบรรจุแต่งตั้ง โดยเวลานี้หลักเกณฑ์การคัดเลือกพร้อมแล้ว เพราะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการคัดเลือก ผอ.สพท. เพียงแต่ยังไม่สามารถประกาศการคัดเลือกได้ เนื่องจากต้องรอการย้าย ผอ.สพท.คนเก่าและบรรจุแต่งตั้ง ผอ.สพท.ใหม่ที่สอบไว้แล้วอีก 40 กว่าคน เพื่อจะได้ทราบว่า ตำแหน่งรอง ผอ.สพท.ที่ว่างทั้งหมดมีเท่าไหร่ เพราะตามหลักเกณฑ์กำหนดว่า ในการประกาศตำแหน่งว่างให้ประกาศตามตำแหน่งที่ว่าง ณ ปัจจุบันที่ประกาศ ดังนั้นจึงต้องเคลียร์ย้าย และ บรรจุคนใหม่ให้เรียบร้อยก่อน โดยจะดำเนินการย้าย ผอ.สพท.ได้ในเดือนเมษายน และบรรจุคนใหม่ที่สอบได้ในเดือนพฤษภาคม ดังนั้นคาดว่าน่าจะสามารถประกาศคัดเลือก รองผอ.สพท.ได้ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งไม่น่าจะช้าไปกว่านี้เพราะเรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของ สพฐ.โดยตรง
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับตำแหน่ง รอง ผอ.โรงเรียน ซึ่งขณะนี้ว่างประมาณ 4,000 กว่าตำแหน่ง นั้น ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลกรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้มีมติให้ส่วนราชการที่เป็นผู้ปฎิบัติกำหนดหลักการวิธีการคัดเลือกได้เอง โดย ก.ค.ศ.จะเป็นผู้ออกหลักเกณฑ์กว้าง ๆ นั้น สพฐ.ก็กำลังรอ กคศ.แจ้งมติดังกล่าว ซึ่งถ้าได้รับแจ้งแล้ว สพฐ.ก็จะมาประชุมเพื่อทำหลักเกณฑ์การคัดเลือกเพื่อส่งให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด( กศจ.)ไปดำเนินการคัดเลือกของแต่ละจังหวัดต่อไป
"โดยหลักการการคัดเลือกรองผอ.โรงเรียนแบบใหม่ที่คิดไว้เบื้องต้น จะไม่เน้นการสอบข้อเขียนแต่จะเน้นผลงานเชิงประจักษ์ เป็นการประเมินแบบ 360องศา คือ การประเมินประวัติ ผลงาน ศักยภาพ โดยให้คนที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครเป็นคนประเมิน ได้แก่ ผู้บังคับบัญชา เพื่อนครู ตัวแทนผู้ปกครอง ตัวแทนสถานศึกษา เป็นต้น ถ้าคุณสมบัติผ่านตามเกณฑ์ก็จะได้ขึ้นบัญชีไว้เป็นเวลา 2 ปี ถ้ามีตำแหน่งว่าง กศจ.ก็จะประกาศให้คนที่ขึ้นบัญชีไว้มายื่นใบสมัคร เพื่อเสนอวิสัยทัศน์และสัมภาษณ์ต่อไป เพราะฉะนั้นถ้าใครมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ก็จะได้ขึ้นบัญชีทั้งหมด โดยเป็นบัญชีของแต่ละจังหวัด และทุกอย่างเป็นการดำเนินการของ กศจ.”ดร.บุญรักษ์กล่าวและว่า ที่ทำอย่างนี้เพื่อให้คนที่จะขึ้นเป็นผู้บริหารสถานศึกษามีความตั้งใจในการทำงานเพื่อเตรียมตัวเป็นผู้บริหารที่ดี และที่สำคัญเรามีปัญหาการขาดผู้บริหารโรงเรียนเป็นระยะ ฉะนั้นเมื่อมีตำแหน่งว่างก็สามารถประกาศเรียกมายื่นใบสมัครได้เลย สำหรับการกำหนดปฏิทินการคัดเลือกนั้น สพฐ.น่าจะประกาศเฉพาะรอบแรกการยื่นสมัครประเมินคุณสมบัติเพื่อขึ้นบัญชี เพื่อให้เลือกได้เพียงจังหวัดเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สพฐ.กำลังหาหรือในข้อกฎหมายอยู่ว่าการพยายามจะให้ขึ้นบัญชีได้เพียงจังหวัดเดียวนี้จะเป็นการรอนสิทธิ์หรือไม่ด้วย"
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2562