นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ที่ประชาชนชนชาวไทยมิได้เป็นแค่ชนเผ่าแต่ได้อยู่รวมกันจนเป็นประเทศไทยอย่างมั่นคงได้ทุกวันนี้ก็เพราะความเป็นนักรบ ความกล้าหาญ ความเสียสละและพระปรีชาสามารถของบูรพมหากษัตริย์ไทย หากมิได้มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วก็คงไม่มีวันที่จะมีประเทศไทยอย่างเช่นทุกวันนี้ ประชาชนชาวไทยก็คงจะเป็นเพียงแค่บุคคลเชื้อชาติไทยเท่านั้น คงไม่มีสัญชาติเพราะไม่มีประเทศเป็นของตนเอง คนไทยที่มีอายุเกินกว่า 50 ปีต่างได้รับรู้ ตระหนักถึงความสำคัญและรำลึกถึงพระคุณของพระมหากษัตริย์ไทยเพราะคนไทยยุคนั้นโชคดีที่ได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทยตั้งแต่จำความได้จนถึงในระดับปริญญาตรี คุณครูที่สอนวิชาประวัติศาสตร์ไทยก็ล้วนแล้วแต่เรียนจบปริญญาตรีสาขาวิชาประวัติศาสตร์จึงมีความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราวของความกล้าหาญ ความเสียสละ ความเป็นนักรบของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อชนชาวไทยมาตั้งแต่ยุคสมัยกรุงสุโขทัยจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ การถ่ายทอดเป็นไปโดยละเอียดเร้าใจให้เกิดความภาคภูมิใจในความเสียสละ ความกล้าหาญและพระปรีชาสามารถของกษัตริย์แต่ละพระองค์ ประชาชนในยุคนั้นจึงมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมากไม่ใช่แค่เพียงเหตุผลว่าเป็นสมมติเทพ แต่เป็นเพราะรับรู้ได้ว่าถ้าไม่มีสถาบันนี้ก็สิ้นชาติไปนานแล้ว
ในเวลาต่อมากระทรวงศึกษาธิการได้ปรับปรุงหลักสูตรใหม่โดยให้ยุบวิชาประวัติศาสตร์และวิชาภูมิศาสตร์ทิ้งไปและให้วิชาประวัติศาสตร์และวิชาภูมิศาสตร์เป็นเนื้อหาเล็กๆในวิชาสังคมศึกษา เมื่อเป็นเช่นนี้มหาวิทยาลัยก็เลิกผลิตบัณฑิตวิชาเอกประวัติศาสตร์และวิชาเอกภูมิศาสตร์ จึงส่งผลให้บุคคลในยุคหลังๆไม่ได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทย ไม่ได้เรียนวิชาภูมิศาสตร์ แม้ในปัจจุบันจะมีการให้เพิ่มวิชาประวัติศาสตร์ขึ้นมาอีกแต่เนื้อหาสาระไม่มีความเข้มข้นเหมือนในสมัยก่อน เด็กๆสมัยนี้ก็ยังไม่รับรู้ว่าบูรพมหากษัตริย์มีพระคุณต่อชาติบ้านเมืองเพียงใด มหาวิทยาลัยก็ไม่มีการผลิตบัณฑิตครูวิชาเอกประวัติศาสตร์ที่จะเป็นบุคคลสำคัญในการถ่ายทอดวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทยให้กับนักเรียน เด็กรุ่นหลังๆจึงไม่ได้รับรู้ รับทราบในเรื่องของความดำรงอยู่ของชาติว่าดำรงอยู่ได้จนทุกวันนี้เพราะความเสียสละและความกล้าหาญของสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นนักการเมืองรุ่นหลังจึงออกมาก้าวร้าวต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งๆที่สถาบันนี้มิได้สร้างปัญหาใดๆให้สังคมมีแต่จะช่วยเหลือประเทศชาติในทุกๆด้าน เรื่องเช่นนี้แทนที่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการจะวิเคราะห์และปฏิรูปหลักสูตรเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศและแก้ปัญหาระยะยาวในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนรุ่นหลังกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่กลับมีความภาคภูมิใจและนำเสนอแต่เรื่องการปราบทุจริตในกระทรวงศึกษาธิการ หรือการให้เจ้าหน้าที่จาก ปปช เข้าไปตรวจสอบเรื่องต่างๆในโรงเรียน ว่าเป็นผลงานดีเด่นของกระทรวงศึกษาธิการ การปฏิรูปการศึกษาทุกวันนี้ก็ดูเหมือนจะใส่ใจอย่างจริงจังในเรื่องการเปลี่ยนตำแหน่งจากผู้อำนวยการเป็นครูใหญ่ การเปลี่ยนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูเป็นใบรับรองความเป็นครู ซึ่งหาแก่นสารอะไรไม่ได้ "ประวัติศาสตร์ชาติไทยไม่เคยมีร่องรอยและบันทึกไว้ว่าการที่เราเป็นประเทศอย่างมั่นคงได้ทุกวันนี้เพราะนักการเมืองและหากกระทรวงศึกษาธิการยังอยู่นิ่งไม่หันมามองและวางแผนแก้ปัญหานี้ ต่อไปจะมีปัญหาความขัดแย้งอย่างใหญ่หลวงระหว่างประชาชนคนไทยที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์กับกลุ่มคนก้าวร้าว แน่นอน" นายรัชชัยย์ ฯกล่า