นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.)เปิดเผยว่าตามข่าวที่ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)แจ้งว่าตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)ได้กำหนดแบบประเมินความดีความชอบปี 2562 เป็น 3 ด้าน 13 แฟ้มนั้น นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับทราบความคิดเห็นของเพื่อนครูว่าเป็นการสร้างภาระและความยุ่งยากให้ผู้รับการประเมินเกินความจำเป็น เพราะต้องจัดทำแฟ้มถึง13 แฟ้ม จึงได้กรุณาสั่งการให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ. ) แจ้ง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท. ) ผอ.โรงเรียน ข้าราชการครูและผู้เกี่ยวข้องทราบว่า ให้ยกเลิกการจัดทำแฟ้มดังกล่าว โดยจะให้มีการปรับแก้วิธีการประเมินใหม่ ให้การดำเนินการประเมินความดีความชอบไม่สร้างภาระให้แก่ครูและผู้รับการประเมิน ทั้งนี้เมื่อสำนักงาน ก.ค.ศ.ได้ปรับวิธีการประเมินแล้ว สพฐ.จะเร่งแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป นั้น
บรรดาข้าราชการครูทั้งประเทศมีความยินดีกับการสั่งการของ รมว.ศธ เป็นอย่างยิ่ง ต่างชื่นชม การตัดสินใจสั่งการของ รมว.ศธ ที่สั่งการให้ยกเลิกในเรื่องดังกล่าวและถือว่าเป็นการให้ขวัญและกำลังใจคุณครูทั้งประเทศทั้งนี้เพราะเรื่องที่มีการสั่งการและกำหนดให้คุณครูทำแฟ้ม 13 แฟ้มนั้นเป็นภาระกับครูอย่างมากและเป็นการเพิ่มงานของคุณครูเกินความจำเป็นจริงๆทั้งๆที่ รมว.ศธ มีนโยบายให้ลดภาระงานของครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน บรรดาตัวชี้วัดทั้งหลายก็มิได้บ่งบอกถึงความตรงของผลงาน การดำเนินการของส่วนราชการในส่วนกลางในหลายๆเรื่องแสดงถึงความไม่เข้าใจในบริบทของการจัดการศึกษา เพราะเจ้าหน้าท่ีของสำนักงาน ล้วนแล้วแต่เป็นข้าราชการพลเรือน มีวิธีคิดแบบข้าราชการพลเรือนแล้วนำไปสั่งการให้ข้าราชการครูไปถือปฏิบัติจนทำให้เกิดความเดือดร้อน เช่นเรื่องการเปลี่ยนแปลงไปมาหลายครั้งของเกณฑ์การเลื่อนวิทยฐานะ จนทำให้เกิดความเสียหายเช่นรางวัลสูงสุดที่เคยประกาศไว้ว่านำไปใช้ได้ ก็มีการประกาศยกเลิก เป็นการออกกฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นธรรมเพราะรางวัลเดียวกันที่ผ่านมาเกิดประโยชน์ต่อข้าราชการครูในรุ่นก่อนหน้านั้นแต่ข้าราชการครูรุ่นปัจจุบันกลับไม่ได้รับประโยชน์ นอกจากนี้การประกาศผลการพิจารณารางวัลที่ข้าราชการครูเสนอขอเลื่อนวิทยะฐานะโดยประกาศผลว่าไม่ผ่านของข้าราชการครูที่จะเกษียณอายุราชการก็ประกาศในเดือนกันยายนทั้งๆที่ได้มีการเสนอชื่อรางวัลไปแล้วนานกว่าสองปี ทำให้ข้าราชการครูหลายรายเสียสิทธิที่จะฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพราะเเม้ศาลปกครองจะมีคำพิพากษาให้ชนะคดี แต่ก็ไม่สามารถเยียวยาได้เนื่องจากเกษียณอายุราชการแล้วจึงไม่สามารถรับการประเมินได้ เรื่องเหล่านี้ผู้เสียหายหลายรายกำลังพิจารณาว่าเป็นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบหรือไม่ และในบางเรื่องที่เป็นหน้าท่ีที่ต้องทำก็กลับไม่ทำ จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อการจัดการศึกษามากมาย เช่นไม่เสนอให้ผู้มีอำนาจหรือส่วนราชการดำเนินการสอบบรรจุผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียนจนทำให้โรงเรียนเกือบหมื่นโรงเรียนต้องว่างเว้นผู้อำนวยการโรงเรียนมานานร่วมสองปี ข้าราชการครูที่ทำหน้าที่รักษาการก็ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องที่เป็นการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนจนทำให้เกิดความเสียหายในเรื่องของคุณภาพผู้เรียนเป็นอย่างมาก
ดังนั้นจึงขอเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการขอได้โปรดดำเนินการให้มี อ.ก.ค.ศ.ส่วนราชการ แล้วให้นำเอางานด้านการบริหารบุคคลในทุกเรื่องมอบให้ อ.ก.ค.ศ.ส่วนราชการ เป็นผู้ดำเนินการต่อไป
"เรื่องการไม่ดำเนินการให้มีการสอบบรรจุผู้บริหารโรงเรียนเป็นเวลานานถึงสองปีทั้งๆที่ กพร.ได้อนุมัติคืนอัตราเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูให้ ศธ ร้อยเปอร์เซนต์ นั้น ผมเห็นว่า รมว.ศธ ควรที่จะตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงว่าเป็นความรับผิดชอบของส่วนราชการใดและใครมีหน้าท่ีต้องปฏิบัติและไม่ปฏิบัติตามหน้าท่ีจนทำให้นักเรียนต้องเสียโอกาสในการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการของตน เพื่อให้สังคมได้รับรู้รับทราบต่อไป" นายรัชชัยย์ ฯ กล่าว