นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย ( ส.บ.ม.ท.) เปิดเผยกรณีที่นายแพทย์จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ ประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศึกษาแนวทางการจัดทำ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ กล่าวว่าตามที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ) ได้เสนอในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาและคณะกรรมการกฤษฎีกามีมติเห็นชอบให้กลับไปใช้คำว่าครูใหญ่เหมือนที่ผ่านมาด้วยเหตุผลว่า "การที่หัวหน้าครูกลับมาใช้คำว่าครูใหญ่ก็น่าจะทำให้มีพลังในการปฏิรูปเพื่อการศึกษาของเด็กมากกว่า" นั้น เห็นว่า การกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นการกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยมองภาพการจัดการศึกษาที่คลาดเคลื่อน ไม่มีเหตุผลสนับสนุนและไม่ตอบโจทก์ในเรื่องคุณภาพผู้เรียนและที่สำคัญคือไม่เคยมีการถามครูหรือบุคคลากรทางการศึกษาเสียก่อนว่าเปลี่ยนแปลงแล้วจะมีอะไรดีขึ้นต่อการศึกษาของเด็กอย่างไร ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงตามมตินี้จริงๆก็คงจะต้องมีการเปลี่ยนป้ายชื่อตำแหน่งทั่วประเทศ เปลี่ยนบัตรข้าราชการใหม่ เปลี่ยนบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องใหม่ เปลี่ยนป้ายบ่งบอกตำแหน่งหัวหน้าครูทุกโรงเรียนเสียใหม่ ฯลฯ ซึ่งคงจะต้องทำให้สิ้นเปลืองอีกกี่ล้านบาท
"ผมอยากให้บรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลายได้เข้าใจเสียใหม่ว่า ผู้บริหารโรงเรียนทุกวันนี้ไม่เคยคิดว่าตนเองเป็น หัวหน้าครู แต่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ผู้อำนวยความสะดวกให้ทุกคนทำงานได้อย่างมีคุณภาพ ครูคือเพื่อนร่วมงานที่มีหน้าท่ีสอน ไม่ได้มีหลักคิดว่าครูเป็นลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาแต่อย่างใด แม้ในต่างประเทศก็ยังใช้คำว่า School Director ซึ่งหมายถึงผู้อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าท่ีของบุคคลากรในโรงเรียน นอกจากนี้สิ่งที่คุณครูทั้งประเทศรู้สึกเสียใจในปัจจุบันก็คือการศึกษาของชาตินั้นถูกวางระบบใหม่อีกแล้วโดยนายแพทย์ นักกฎหมาย ทหาร วิศวกรและบุคคลากรวิชาชีพอื่นที่มิได้มีประสบการณ์หรือมีความรู้ความเข้าใจด้านการจัดการศึกษาไม่ได้มีจิตวิญญาณครู มาทำหน้าที่ในการวางแผนจัดการศึกษาของประเทศโดยไม่ให้ครูมีส่วนร่วมเลย การมองภาพการศึกษาจึงเบี่ยงเบนไปและก็คงจะทำให้เด็กๆจะต้องรับกรรมจากการกระทำของผู้ไม่รู้ต่อไป" นายรัชชัยย์ฯกล่าว