ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

พิสูจน์มหัศจรรย์นวดตัวเอง


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,160 ครั้ง
Advertisement

พิสูจน์มหัศจรรย์นวดตัวเอง

Advertisement

❝ ?นวดตัวเองได้ ใจเบิกบาน เป็นผู้เฒ่าเจ้าสำราญ ดีกว่าเป็นคนแก่น่ารำคาญ เพราะตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน? ❞

ปรัชญาแห่งวิชาการนวดตัวเอง ของ อ.นิมิต จรุงจิตต์ ผู้คิดค้นท่านวด 14 กระบวนท่า ซึ่งถือเป็น “ศาสตร์แห่งการนวดตัวเองเพื่อสุขภาพ ” ที่จะช่วยป้องกันและแก้ไขเกี่ยวกับความปวดเมื่อยต่างๆ ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า เส้นเอ็นกล้ามเนื้อจะค่อยๆ ผ่อนคลาย ดีต่อการหมุนเวียนของโลหิต การทำงานของต่อม และอวัยวะต่างๆ ส่งผลให้ สุขภาพกายสุขภาพจิต ดีขึ้นเป็นลำดับ

อาจารย์นิมิต จรุงจิตต์ ผู้อำนวยการศูนย์สอนนวดตัวเองเพื่อสุขภาพ สหัชเวช ผู้คิดค้นท่านวดตัวเอง 14 กระบวนท่า
       การนวด (Massage) ถือเป็นวิธีการบำบัดความปวดเมื่อยที่เก่าแก่ที่สุดก็ว่าได้ สำหรับจุดเริ่มต้นแห่งกระบวนท่านวดตัวเองทั้ง 14 ท่านั้น เป็นการผสมผสานท่าต่างๆ ในฤาษีดัดตน โยคะ โดยนำมาดัดแปลงประยุกต์ ให้เหมาะสมมากขึ้น
       
       อ.นิมิต จรุงจิตต์ ผู้อำนวยการศูนย์สอนนวดตัวเองเพื่อสุขภาพ สหัชเวช เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเกิดอาการปวดหลังมาก เพราะทำงานหนัก ขาดการพักผ่อน ช่วงแรกๆ ก็อดทน พยายามดูแลตัวเองทุกอย่าง จนทนไม่ไหวไปหาหมอที่โรงพยาบาล แพทย์เอกซเรย์พบว่า กระดูกข้อหลังเสื่อม
       
       ดังนั้น จึงต้องกินยา แพทย์ให้รับประทานยาหลังอาหาร ทำให้มั่นใจว่าเป็นยาที่ต้องกัดกระเพาะแน่ๆ ดีไม่ดีนอกจากเป็นโรคปวดเมื่อยแล้วยังอาจได้โรคกระเพาะแถมมาด้วย กินยาจนหมด แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จากนั้นจึงใช้วิธีกายภาพบำบัด กระตุ้นด้วยไฟฟ้า 10 ครั้งก็ไม่หายจึงตัดสินใจเลิกรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน
       
       “ผมเริ่มค้นหาวิธีการรักษาอื่นๆ จึงนึกถึงอาจารย์เจียม ชาวจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหมอนวดที่เก่งมาก ผมไปนวดอยู่ 6 เดือน นวดวันเว้นวัน นวดไปนวดมามีความรู้เรื่องการนวดทั้งหมดเลย ตรงจุดไหนเรียกอะไร ดีต่อร่างกายอย่างไรบ้าง พออาการเริ่มดีขึ้น วันหนึ่งผมก็ถามอาจารย์ว่านวดให้คนอื่นทุกวันปวดเมื่อยบ้างไหม เวลาเมื่อยใครเป็นคนนวดให้ อาจารย์บอกนวดตัวเอง แล้วก็ทำให้ดู 1 ท่า”

รูปร่างหน้าตาของ "โคเม็ด" อุปกรณ์ที่ช่วยในการนวดตัวเอง "อุปกรณ์ช่วยกาย" 7 ท่า
       “ผมเลยนำไปคิดต่อ คิดค้นใช้เวลา 7 ปี จึงค้นพบ 14 ท่า ซึ่งการนวดตัวเองนั้นดีกว่าคนอื่นมานวดให้อีก ผมสอนคนมาพันกว่าคน เพื่อที่จะหลีกหนีการรักษาด้วยการกินยา และวิธีการบำบัดแบบตะวันตก”

ท่านวดท่าที่ 1 สีหไสยาสน์ เป็นท่านอนที่ดีที่สุด เพื่อผ่อนคลายความเครียด โดยลักษณะท่าเหมือนขณะพระพุทธเจ้าทรงบรรทม
       อ.นิมิต เล่าต่อว่า หลักการง่ายๆ คือการใช้สัญชาตญาณของมนุษย์ คนเราเมื่อหิวก็กิน ง่วงก็นอน เจออันตรายก็รู้จักป้องกันภัย แต่เมื่อปวดเมื่อยกลับไม่นวดตัวเอง ทั้งๆที่เราสามารถนวดตัวเองได้ การนวดทั้ง 14 ท่า ถือเป็นการรักษาแบบองค์รวม เป็นบุพเฟต์สามารถเลือกตัก เลือกกินได้เองตามต้องการ เนื่องจากคนแต่ละคนปวดเมื่อยต่างกันไป คนตัวใหญ่เมื่อยอีกอย่าง คนตัวเล็กก็เมื่อยอีกอย่าง คนแก่ เด็ก คนทำงานนั่งโต๊ะทำบัญชี ไม่เหมือนกัน
       
       ดังนั้น ท่านวดทั้ง 14 กระบวนท่า จึงถือหัวใจหลัก 3 ข้อ คือ 1. กายช่วยกาย 6 ท่า 2. อุปกรณ์ช่วยกาย 7 ท่า และ3.สิ่งแวดล้อมช่วยกายอีก 1 ท่า รวมเป็น14 ท่า แถมยังใช้เวลาเรียนแค่ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
       
       อ.นิมิต ยกตัวอย่าง ท่านวดท่าที่ 1 สิงห์ไสยาสน์ เป็นท่านอนที่ดีที่สุด เพื่อผ่อนคลายความเครียด โดยลักษณะท่าเหมือนขณะพระพุทธเจ้าทรงบรรทม

ท่าที่ 2 ฤาษีดัดตน เป็นท่านอนอีกท่าที่สามารถลดอาการปวดเมื่อยบริเวณน่อง เนื่องจากเอาหลังเท้าเหน็บไปที่ข้อพับใช้มือกด
       ท่าที่ 2 ฤาษีดัดตน เป็นท่านอนอีกท่าที่สามารถลดอาการปวดเมื่อยบริเวณน่อง
       
       ท่าที่ 3 ศพอาสนะ ท่านอนหงายปล่อยมือหงายธรรมดาแต่ช่วยให้ร่างกายเสมือนได้ปลดปล่อย

ท่าที่ 4 นวดขาด้วยเข่า ตามจุดต่างบนน่อง 3 จุด
       ท่าที่ 4 นวดขาด้วยเข่า ตามจุดต่างบนน่อง 3 จุด
       
       ท่าที่ 5 นวดขาด้วยตาตุ่ม
       
       ท่าที่ 6 นวดเท้าด้วยส้นเท้า เป็นอันครบท่ากายช่วยกายทั้ง 6 ท่า

ท่าที่ 6 นวดเท้าด้วยส้นเท้า
       ส่วนท่า อุปกรณ์ช่วยกาย 7 ท่า เป็นการนำอุปกรณ์ “โคเม็ด” ซึ่งมีลักษณ์คล้ายนมสาวมาช่วยในการกดจุด ส่วนต่างๆ ของร่างกาย 7 ท่าดังกล่าวก็จะไล่ไปตั้งแต่กดจุดฝ่าเท้า น่องขา เอว เส้นท้อง ก้นกบ กระเบนเหน็บ ซึ่งเป็นจุดสะสมความตึงเครียด รวมทั้งแผ่นหลังตอนบนและล่าง ต้นคอ ศีรษะ สามารถพลิกหามุมพอดีๆ เลือกน้ำหนักที่พอดีได้ตามใจชอบ นอกจากนั้นยังสามารถใช้ขณะนั่งทำงาน บนเก้าอี้โดยการใช้อุปกรณ์ได้ด้วย

นวดเท้าด้วยการใช้ "โคเม็ด" หนึ่งในการใช้อุปกรณ์ช่วยกาย 7 ท่า
       สำหรับท่าสุดท้ายสิ่งแวดล้อมช่วยกายเป็นการใช้เก้าอี้จัดเรียงกระดูกสันหลัง ซึ่งการนวดช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งกายและจิต ช่วยให้เราเกิดสมาธิ เรียกว่า จิตคุมกาย หรือ กายานุปัสนาสติปัฐฐาน หลักกายเป็นที่อาศัยของจิต ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายรักษาตัวเอง เลือดลมเดิน ถ้านวดแล้วโรคจะไม่ค่อยมีระบบขับถ่าย ย่อย ดูดซึมจะดี จิตใจสงบ ทีแรก เครียดๆ ก็จะสบาย

การนวดแขนโดยใช้ เก้าอี้ และโคเม็ดเป็นอุปกรณ์ในการช่วยนวด
       สุดท้าย อ.นิมิต ฝากไว้ว่าคนที่เป็นความดันอย่าทำมาก เพราะจะทำให้มึนได้ อย่างไรก็ตามเราต้องฟังเสียงสัญชาตญาณของตัวเอง ร่างกายจะสั่งเองว่าอะไรทำได้และทำไม่ได้ ไม่อันตรายมากเพราะเราทำเองรู้จุดไหนดีจุดไหนเจ็บ ดังนั้น บอกได้ว่าไม่มีจุดไหนที่อันตราย เพราะมีประสาทอัตโนมัติคุ้มครองอยู่ แต่เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงควรจะ นอนหัวค่ำและนวดตัวเอง ความเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะไม่มารบกวนแน่
       
       
สำหรับ ศูนย์นวดตัวเองเพื่อสุขภาพ ( Self Massage for Health Center ) เปิดสอนวันเสาร์,อาทิตย์ และจันทร์ 9.00 - 12.00 น. โทรสอบถามล่วงหน้า3/403 ซ.น่านเจ้า 3 เมืองทองนิเวศน์ 1 ถนนแจ้งวัฒนะ 14 เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-5732041, 01-9110399 โทรสาร 02-2359582


 ที่มา : http://www.manager.co.th

1.การใช้ประโยชน์จากการนวดไทยเพื่อสุขภาพ

เราสามารถนำการนวดไทยไปใช้ประโยชน์เพื่อส่งเสริมสุขภาพได้ 2 แนวทาง คือ

1.นำไปใช้ด้วยตนเองในชีวิตประจำวัน โดย

1.1 การนวดตนเองด้วยมือเปล่า เช่น การนวดคอ บ่า ศีรษะ การนวดขา แขน
1.2 การใช้อุปกรณ์นวดตนเอง เช่น การใช้นมไม้นวดหลัง การเหยียบกะลานวดฝ่าเท้า
1.3 การดัดตนในท่าต่างๆ
1.4 การนวดกันเองในครอบครัว

2.ไปรับบริการจาก
2.1 หมอนวดตามบ้าน
2.2 สถานพยาบาล โรงพยาบาลที่มีบริการนวดไทย
2.3 สมาคม ชมรม วัด ที่มีบริการนวดไทย
2.4 สถานบริการที่มีบริการนวดไทย (ต้องแยกแยะให้ได้ว่าไม่ใช่บริการนวดแอบแฝงกับธุรกิจกามารมณ์
2.ข้อควรระวังในการนวด

1.ไม่นวดจุดที่อันตราย ได้แก่
1.1 ไม่กดบริเวณที่มีเส้นประสาทอยู่ตื้น เช่น ในรักแร้ เหนือไหปลาร้า บริเวณปุ่มกระดูกข้อศอกทางด้านใน บริเวณหน้าหู
1.2 ไม่กดขยี้บริเวณที่จับชีพจรได้ เช่น บริเวณข้อพับศอก ข้อพับเข่า บริเวณข้อมือ ขาหนีบ ในรักแร้
1.3 ไม่กดขยี้บริเวณที่มีต่อมน้ำเหลือง ต่อมน้ำลาย เช่น บริเวณแก้ม คาง คอ เหนือไหปลาร้า รักแร้ ขาหนีบ
1.4 ไม่กดบริเวณที่เป็นถุงน้ำหล่อเลี้ยงข้อต่อ เช่น บริเวณกึ่งกลางหัวไหล่

2.ไม่นวดในกรณีที่ห้ามนวด ได้แก่
2.1 กรณีมีไข้ อักเสบเฉียบพลัน
2.2 กรณีติดเชื้อ เป็นโรคผิวหนัง โรคติดต่อ
2.3 กรณีหลังผ่าตัดใหม่ๆ
2.4 กรณีกระดูกหัก ข้อเคลื่อน
2.5 กรณีโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคร้ายแรงอื่นๆ ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมอาการได้

3.ไม่ใช้วิธีการนวดที่เสี่ยงต่ออันตราย ได้แก่
3.1 การดัดดึงคอและหลัง ซึ่งทำโดยไม่มีการตรวจวินิจฉัย
3.2 การเหยียบพร่ำเพรื่อโดยไม่จำเป็น
3.3 การดึงขาเพื่อกระชากข้อเข่า เพราะอาจทำให้เอ็นในข้อเข่าฉีกขาดได้
3.4 การนวดดัดในท่าโลดโผนและรุนแรงเกินไป

4. ไม่ใช้การนวดที่ล่อแหลมต่อการล่วงละเมิดทางเพศ ได้แก่
4.1 การดัดในท่างูรัดเขียด หรือท่าที่ต้องกอดประชิดตัว
4.2 การนวดบริเวณหน้าอกของผู้หญิง
4.3 การนวดเพื่อกระตุ้นความรู้สึกทางเพศในสถานที่มิดชิด ไม่มีบุคคลที่สามอยู่ในบริเวณนั้น

5. ห้ามปิดเปิดประตูลม นานเกิน 45 วินาที
การปิดเปิดประตูลม คือการใช้นิ้วมือกดที่หลอดเลือดแดง เพื่อไม่ให้ส่งเลือดไปเลี้ยงที่แขนหรือขาในชั่วขณะหนึ่ง แล้วปล่อยนิ้วมือที่กดออก เลือดแดงก็จะพุ่งไปเลี้ยงแขนขา ทำให้รู้สึกวูบวาบตามมา
การปิดเปิดประตูลม ไม่ควรใช้แรงกดมากเกินไป เพราะหลอดเลือดแดงอาจช้ำและอักเสบได้ และไม่ควรกดนานเกิน 45 วินาที เพราะอาจทำให้เส้นประสาทขาดเลือดไปเลี้ยงนานเกินไป ทำให้มีอาการชาตามมาได้

 

ผลของการนวดไทยต่อระบบต่างๆ
ระบบไหลเวียนโลหิต
ช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น ทำให้บริเวณที่นวดอุ่นขึ้น ลดอาการบวม

ระบบกล้ามเนื้อ

ทำให้กล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพดีขึ้น ขจัดของเสียในกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อเมื่อยล้าน้อยลงหลังการใช้งาน ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดการเกร็ง ลดปวด ทำให้พังผืดที่เกิดในกล้ามเนื้ออ่อนตัว ทำให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นดีขึ้น

ระบบประสาท
ช่วยกระตุ้นให้สมองกระปรี้กระเปร่าจากการที่มีเลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น
การนวดอาจส่งผลต่อสมองโดยผ่านตัวรับความรู้สึกที่ผิวหนัง (sensory recepter)
การนวดอาจส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System) ทำให้การทำงานของอวัยวะต่างๆที่อยู่นอกอำนาจจิตสำนึก ทำงานได้อย่างมีดุลยภาพมากขึ้น

ระบบหายใจ

การนวดช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ทำให้หายใจเข้าและออกได้ลึกขึ้น ช่วยเพิ่มการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย

ระบบทางเดินอาหาร
การนวดช่วยเพิ่มความตึงตัวของทางเดินอาหาร ช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัว ทำให้เจริญอาหาร ท้องไม่อืดเฟ้อ

ระบบผิวหนัง
การนวดทำให้เลือดไปเลี้ยงที่ผิวหนังมากขึ้น ทำให้ผิวเต่งตึง
การนวดทำให้แผลเป็นอ่อนตัวหรือเล็กลงไปได้

3. คุณค่าของการนวดไทย

ด้านจิตใจและสังคม
การนวดไทยเป็นภูมิปัญญาไทยที่สั่งสมสืบทอดมาเป็นเวลาช้านาน เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลที่อบอุ่นในระหว่างคนในครอบครัวด้วยสื่อสัมผัสแห่งความเอื้ออาทร และเป็นวิทยาการที่สามารถพึ่งตนเองได้ในชุมชน
ด้านสุขภาพกาย
การนวดไทยเกิดผลดีต่อสุขภาพกายในแง่ การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาโรค และการฟื้นฟูสมรรถภาพ การนวดไทยยังเกิดผลดีต่อระบบต่างๆของร่างกาย ทำให้อวัยวะของร่างกายทำงานได้ดีขึ้นด้วย


โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 4030 วันที่ 27 เม.ย. 2552


พิสูจน์มหัศจรรย์นวดตัวเอง พิสูจน์มหัศจรรย์นวดตัวเอง

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

เหลือแต่กระโหลก...

เหลือแต่กระโหลก...


เปิดอ่าน 7,139 ครั้ง
เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ

เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ


เปิดอ่าน 7,138 ครั้ง
@สัญลักษณ์นี้มีที่มา...?

@สัญลักษณ์นี้มีที่มา...?


เปิดอ่าน 7,155 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

.คำอวยพรปีใหม่.....Greetings of the New Year

.คำอวยพรปีใหม่.....Greetings of the New Year

เปิดอ่าน 7,154 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
เคล็ดลับ วิธีชง "ชา" ให้อร่อย
เคล็ดลับ วิธีชง "ชา" ให้อร่อย
เปิดอ่าน 7,139 ☕ คลิกอ่านเลย

ชุดเก๋ไก๋สไตล์รีไซเคิล
ชุดเก๋ไก๋สไตล์รีไซเคิล
เปิดอ่าน 7,144 ☕ คลิกอ่านเลย

แจกนวัตกรรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่องการสร้างงานด้วยโปรแกรม Microsoft PowerPoint
แจกนวัตกรรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรื่องการสร้างงานด้วยโปรแกรม Microsoft PowerPoint
เปิดอ่าน 7,423 ☕ คลิกอ่านเลย

ความรักไม่ใช่คำตอบสุดท้าย.......
ความรักไม่ใช่คำตอบสุดท้าย.......
เปิดอ่าน 7,149 ☕ คลิกอ่านเลย

อ่านแล้วบอกต่อ
อ่านแล้วบอกต่อ
เปิดอ่าน 7,142 ☕ คลิกอ่านเลย

วิจัยในชั้นเรียน
วิจัยในชั้นเรียน
เปิดอ่าน 7,158 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ให้อิสระโรงเรียน ปลดล็อกปฏิรูปการศึกษา
ให้อิสระโรงเรียน ปลดล็อกปฏิรูปการศึกษา
เปิดอ่าน 11,743 ครั้ง

หน่วยจัดประสบการณ์และหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ชั้นอนุบาล 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 3
หน่วยจัดประสบการณ์และหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ชั้นอนุบาล 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 3
เปิดอ่าน 10,884 ครั้ง

สมการและอสมการ
สมการและอสมการ
เปิดอ่าน 71,157 ครั้ง

สอนให้เก่งพีชคณิต ต้องออกท่าออกทาง
สอนให้เก่งพีชคณิต ต้องออกท่าออกทาง
เปิดอ่าน 30,332 ครั้ง

กรมอนามัย เผยไข่ต้มคลุกน้ำปลาสารอาหารไม่พอ เด็กวัยเรียนควรกินไข่คู่กับอาหารให้ครบหมู่หลากหลาย
กรมอนามัย เผยไข่ต้มคลุกน้ำปลาสารอาหารไม่พอ เด็กวัยเรียนควรกินไข่คู่กับอาหารให้ครบหมู่หลากหลาย
เปิดอ่าน 1,953 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ