รมว.ศึกษาธิการ เผย "อำนาจ" รายงานสรุปผลตรวจสอบโครงการยูนิเน็ตแล้ว ไม่พบความผิดปกติ ชี้ อย่างน้อยเราก็ทำให้การตรวจสอบเกิดขึ้น
วันนี้ (7 ม.ค.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการตรวจสอบโครงการเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา หรือ ยูนิเน็ต (UniNet) ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้รับทราบสรุปรายงานการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจาก นายอำนาจ วิชยานุวัติ รองปลัดศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ในประเด็นการเขียนข้อกำหนดขอบเขตงาน หรือ ทีโออาร์ ที่ดูเหมือนล็อคคุณสมบัติบริษัทแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งในเรื่องนี้ไม่ได้พบอะไรที่มีความผิดปกติ ส่วนกรณีบริษัทเอกชนมาร้องเรียนว่า การจัดประกวดราคาของโครงการยูนิเน็ต มีบริษัทเข้ารับการประมูล จำนวน 13 ราย แต่มีผู้มายื่นคุณสมบัติเพื่อขอประกวดราคาเพียง จำนวน 3 ราย และในจำนวนนี้เมื่อมีการประกวดราคาอิเลกทรอนิกส์ หรือ E-bidding แล้วพบว่า มีราคาต่ำกว่าราคากลางที่กรมบัญชีกลางกำหนดนั้น เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของสกอ.ว่าจะดำเนินการใช้ระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างไรได้บ้าง หรือจะให้มีการจัดประมูลใหม่ สำหรับประเด็นการตรวจสอบระบบยูนิเน็ตล่มแบบผิดปกตินั้น นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการศธ.ในฐานประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงยูนิเน็ตล่ม ก็ได้รายงานแล้วเช่นกันว่าเป็นระบบที่ล่มตามสภาพการใช้งาน เพราะมีการใช้งานมานานถึง 20 ปี และขณะนี้การแก้ปัญหาระยะยาวตนก็ได้มอบหมายให้ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เป็นประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาระบบยูนิเน็ตทั้งประเทศแล้ว อย่างไรก็ตามการตรวจสอบเรื่องนี้แม้ไม่พบความผิดปกติแต่ตนก็ดีใจที่อย่างน้อยเราได้มีการตรวจสอบเกิดขึ้น
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 ม.ค.ตนคาดว่า ครม.จะพิจาณารายชื่อผู้บริหารศธ.ระดับ 10 ในตำแหน่งว่างที่เหลืออยู่ตามที่ตนเซ็นเสนอไปแล้ว ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาตนคิดว่าจะมีการพิจารณาแต่ก็เชื่อว่า ครม.คงพิจาณาให้เป็นไปตามคิวของแต่ละกระทรวง โดยรายชื่อผู้บริหารศธ.ที่ตนเสนอนั้นก็มีจำนวนมาก ซึ่งได้พยายามพิจารณาให้ครบตามตำแหน่งที่ว่างอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อจะทำให้การทำงานไม่เกิดสุญญาากาศ และช่วยกันขับเคลื่อนงานการศึกษาไปได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นยืนยันว่าการโยกย้ายครั้งนี้จึงไม่มีอะไรซับซ้อนแน่
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562