“หมอธี” มอบ “โกศล” ตรวจสอบโครงการยูนิเน็ตสกอ.หลังพบเรื่องร้องเรียนโครงการดังกล่าวส่อตุกติก พบจุดสำคัญการเขียนทีโอาร์เหมือนล็อคคุณสมบัติบริษัทประมูล หากไม่ชอบมาพากลตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงทันที
วันนี้ (19 พ.ย.) พล.อ.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทุจริตภายในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศธ. ได้รับเรื่องร้องเรียนการดำเนินโครงการเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา หรือ ยูนิเน็ต (UniNet) ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) โดย รมว.ศธ. มอบหมายให้คณะทำงานของตนมาตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งมีบริษัทเอกชนมาร้องเรียนว่า การจัดประกวดราคาของโครงการยูนิเน็ต มีบริษัทเข้ารับการประมูล จำนวน 13 ราย แต่มีผู้มายื่นคุณสมบัติเพื่อขอประกวดราคาเพียง จำนวน 3 ราย และในจำนวนนี้เมื่อมีการประกวดราคาอิเลกทรอนิกส์ หรือ E-bidding แล้วพบว่า มีราคาต่ำกว่าราคากลางที่กรมบัญชีกลางกำหนดเพียง 100,000 บาท ทั้งที่งบประมาณของโครงการนี้มากถึง 200 ล้านบาท ซึ่งในจุดนี้ทำให้คณะทำงานของตนมองว่ามีความผิดปกติเหมือนมีการล็อกคุณสมบัติของบริษัทเกิดขึ้นหรือไม่
ที่ปรึกษา รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ตนจึงได้เรียก ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) มาหารือถึงข้อมูลที่เกิดขึ้น และให้นำข้อกำหนดขอบเขตงาน หรือ ทีโออาร์ มาให้ตรวจสอบ ซึ่งเท่าที่ฝ่ายกฎหมายของตนดูในเบื้องต้นนั้น พบว่าข้อกำหนดทีโออาร์บางข้อเขียนเฉพาะเจาจงเกินไป ดังนั้น ฝ่ายกฎหมายจึงแนะนำให้ ดร.สุภัทร ไปสอบถามจากกรมบัญชีกลางว่าข้อกำหนดทีโออาร์ที่ สกอ.กำหนดเป็นการล็อกคุณสมบัติหรือไม่ เช่น บริษัทที่เข้ามาประมูลจะต้องมีสำนักงานอยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตรจาก สกอ.เป็นต้น ซึ่งหากกรมบัญชีกลางบอกว่าการเขียนทีโออาร์ไม่ล็อกคุณสมบัติก็แล้วแต่ สกอ.ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะได้มีการประมูลไปแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการประกาศผู้ชนะการประมูล แต่หากกรมบัญชีกลางแสดงความเห็นว่าการเขียนข้อกำหนดนี้เป็นการล็อคคุณสมบัติ ก็ต้องสั่งยกเลิกการประมูล ซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง และไปดูว่าใครเป็นผู้เขียนทีโออาร์นี้ให้มีการล็อกคุณสมบัติ รวมถึงมีใครเกี่ยวข้องในเรื่องนี้บ้าง เพราะเท่าที่ทราบก็มีบริษัทเดียวที่ได้มาตลอด จึงเท่ากับว่ามีการล็อกคุณสมบัติมาเป็นสิบๆปี
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2561
ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงล็อคคุณสมบัติยูนิเน็ต
"หมอธี" ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงล็อคคุณสมบัติโครงการยูนิเน็ต หลังพบการเขียนทีโออาร์ไม่โปร่งใส ปัดตอบ "สุภัทร" เอี่ยวโครงการนี้ด้วยหรือไม่ ชี้ ใครพัวพันเรื่องนี้ก็ต้องโดนหมด
วันนี้ (19 พ.ย.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้รับเรื่องร้องเรียนการดำเนินโครงการเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา หรือ ยูนิเน็ต (UniNet) ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ซึ่งมีบริษัทเอกชนมาร้องเรียนว่า การจัดประกวดราคาของโครงการยูนิเน็ต มีบริษัทเข้ารับการประมูล จำนวน 13 ราย แต่มีผู้มายื่นคุณสมบัติเพื่อขอประกวดราคาเพียง จำนวน 3 ราย และในจำนวนนี้เมื่อมีการประกวดราคาอิเลกทรอนิกส์ หรือ E-bidding แล้วพบว่า มีราคาต่ำกว่าราคากลางที่กรมบัญชีกลางกำหนดเพียง 100,000 บาท ทั้งที่งบประมาณของโครงการนี้มากถึง 200 ล้านบาท รวมถึงการเขียนข้อกำหนดขอบเขตงาน หรือ ทีโออาร์ ที่ดูเหมือนล็อคคุณสมบัติบริษัทแบบเฉพาะเจาะจง เช่น บริษัทที่เข้ามาประมูลจะต้องมีสำนักงานอยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตรจาก สกอ.เป็นต้น นั้น ขณะนี้ตนได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีนายอำนาจ วิชยานุวัติ รองปลัดศธ.เป็นประธาน
"คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ผมตั้งขึ้นจะไปสืบข้อมูลการเขียนทีโออาร์ดังกล่าว ดังนั้นเรื่องนี้หากพัวพันถึงใครก็โดนกันหมด ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวจะใช้เวลาสอบสวนไม่นาน เพราะเรื่องนี้ผมไม่ได้สอบใครเป็นการเฉพาะ แต่เป็นในเรื่องการเขียนทีโออาร์ ซึ่งก็ต้องไปดูว่ามีการเขียนทีโออาร์ในลักษณะนี้เป็นการล็อคคุณสมบัติจริงหรือไม่ โดยเท่าที่ทราบคือ การเขียนทีโออาร์ครั้งที่ผ่านมาไม่มีการเขียนเรื่องกำหนดรัศมีของบริษัทที่จะเข้าร่วมประกวดราคา แล้วทีโออาร์ฉบับปัจจุบันมีการกำหนดเรื่องนี้ได้อย่างไร ทั้งนี้หากพบว่ามีการล็อคคุณสมบัติจริงก็จะต้องมีการชลอการดำเนินการประกวดราคาไว้ก่อนหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของเลขาธิการ กกอ.ที่จะไปดำเนินการ ถ้าเลขาธิการ กกอ.รู้ว่ามีการล็อคคุณสมบัติเกิดขึ้นก็ต้องใช้ตรรกะคิดแล้วว่าควรจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปหรือไม่" รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ต่อข้อถามว่า เรื่องนี้เลขาธิการกกอ.เป็นคนเซ็นดำเนินการจะมีความผิดด้วยหรือไม่ นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เรื่องนี้พัวพันเกี่ยวข้องถึงใครและใครรับผิดชอบบ้างก็ต้องโดนหมด ซึ่งหาก เลขาธิการ กกอ.จะมีความผิดก็ต้องโดนในแง่ความผิดที่อ่านข้อมูลไม่ละเอียด
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2561