"หมอธี" ถก โครงการห้องเรียนภาษาจีน หนุนขยายห้องเรียนสองภาษา เพิ่มอีก 7 จังหวัดครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจและท่องเที่ยว เตรียมหารือ สทศ.ปลดล็อคการออกข้อสอบ ชี้ ผู้เรียนสองภาษาจะต้องมีข้อสอบเฉพาะไม่ใช้ภาษาไทย
วันนี้ (7 พ.ย.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานโครงการห้องเรียนภาษาจีน ว่า ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เดินหน้าโรงเรียนภาษาจีนขึ้น คือ ห้องเรียนสองภาษา นำร่อง 5 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนในกรุงเทพมหานคร ขอนแก่น ชลบุรี สุราษฎร์ธานี และลำปาง โดยจัดการเรียนการสอนต่างๆด้วยภาษาจีน โดยในปีการศึกษา 2562 เราจะเพิ่มการดำเนินการห้องเรียนภาษาจีน อีก 7 แห่ง ซึ่งจะเป็นจังหวัดของพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือที่มีอุตสาหกรรมจีน หรือการท่องเที่ยว ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต เชียงใหม่ พระนคาศรีอยุธยา นครราชสีมา อุดรธานี และมหาสารคาม ซึ่งตนอยากให้เริ่มห้องเรียนภาษาจีนในกลุ่มนี้ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาก่อน เพื่อเป็นการส่งต่อเด็กในสายอาชีพได้ รวมถึงหากเด็กจะไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาก็กำลังดูว่าอาจจะมีการให้ทุนการศึกษาได้รับการเรียนต่อที่ประเทศจีน หรือ มหาวิทยาลัยไทยที่มีศักยภาพการสอนภาษาจีน
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้โครงการดังกล่าวมีผลตอบรับดีมากหลังจากที่มีการนำร่องไปแล้ว ดังนั้นตนจึงมีแนวทางการบริหารงานเรื่องภาษาจีน ตนคิดว่าจะให้สถาบันภาษาจีนเหมือนกับที่มีสถาบันภาษาอังกฤษ ในหน่วยงานสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวมถึงการจัดสอบต่างๆ โดยจะหารือกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ด้วยว่า หากเด็กที่เรียนสองภาษา อย่างภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ถ้าเด็กเรียนวิชาไหน เช่น คณิตศาสตร์ เป็ฯต้น ก็ให้ทำข้อสอบออกมาเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน ไม่ใช่ทำข้อสอบออกมาเป็นภาษาไทย ส่วนเรื่องครูสอนภาษาจีนก็มอบสพฐ.ไปดูว่าจะมีการจ้างด้วยอัตราพิเศษได้หรือไม่หรือจะเป็นรูปแบบไหน เพราะทราบมาว่าครูสอนภาษาจีนมาสอนไม่นานแล้วก็ไป ดังนั้นเราจะต้องวางแนวทางในระยะยาวให้แก่ครูสอนภาษาด้วย อย่างไรก็ตามการดำเนินการเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากอนาคตภาคอุตสาหกรรมจะขยายการเติบโตในอนาคต
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน 2561