ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

แฉต้นตอการศึกษาไทยล้าหลัง สร้างพลเมืองเฉื่อยชา เด็กอ่านหนังสือไม่ออก


ข่าวการศึกษา 19 ต.ค. 2561 เวลา 17:22 น. เปิดอ่าน : 72,367 ครั้ง
Advertisement


Advertisement

แฉต้นตอการศึกษาไทยล้าหลัง สร้างพลเมืองเฉื่อยชา เด็กอ่านหนังสือไม่ออก

อีกแล้วกับความล้มเหลวการศึกษาไทย เมื่อรายงานดัชนีทุนมนุษย์ของธนาคารโลกตีพิมพ์วันที่ 11 ต.ค. ออกมาระบุคุณภาพการศึกษาไทยยังไม่ได้มาตรฐาน

มีการประเมินว่า เด็กไทยเฉลี่ยเข้าเรียนในระบบการศึกษา เป็นเวลารวม 12.4 ปี จนถึงอายุ 18 ปี แต่เมื่อพิจารณาถึงคุณภาพการเรียนรู้แล้ว เท่ากับเด็กได้รับการศึกษาเพียง 8.6 ปีเท่านั้น โดย 3.8 ปี ที่หายไป ก็เพราะคุณภาพการศึกษาไทย ยังไม่ได้มาตรฐาน

ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร? จริงหรือไม่? เกี่ยวกับประเด็นร้อนในเรื่องนี้ ด้าน ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีประสบการณ์ในการสอนและทำวิจัยด้านการศึกษามานาน กว่า 30 ปี ยอมรับกับทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ว่า เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงไม่แปลกใจที่เด็กไทยอ่านไม่ออก เขียนไม่คล่อง เนื่องจากปัญหาการศึกษาของไทยติดหล่ม ล้าหลังมานาน ซึ่งข้อมูลธนาคารโลก แสดงให้เห็นว่าไทยมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยเด็กในท้องถิ่นห่างไกล มีความล้าหลังด้านการศึกษา 3-4 ปี หากเทียบกับเด็กในเมือง

“เด็กในพื้นที่ห่างไกล ล้าหลังทั้ง 3 ช่วงการศึกษา ยกตัวอย่างเรียนชั้นม.3 มีความรู้เท่ากับเรียนชั้น ม.1 หรือเรียนชั้น ม.6 เท่ากับชั้นม.3 จากปัญหาคุณภาพของสื่อการสอน ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในไทย กลายเป็นตัวกับดักการศึกษาไทย”

นอกจากนี้ ปัญหาการศึกษาของไทยยังเกิดจาก 4 ปัจจัยหลัก 1. นโยบายการศึกษาไม่มีความต่อเนื่อง มีการเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน เนื่องจากรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ยึดความสนใจของตัวเองและของพรรคการเมืองเป็นหลัก 2. ระบบการศึกษาของไทยเต็มไปด้วยกฎระเบียบมากเกินไป ทำให้บุคลากรในกระทรวงศึกษา รวมถึงครู เกิดการยึดติดในกรอบ ไม่กล้าคิดแตกต่าง เนื่องจากต้องยึดในระเบียบกฎเกณฑ์ จนในที่สุดครู มีการปล่อยปละละเลยการเรียนการสอน

“ระเบียบกฎเกณฑ์จุกจิกมากเกินไป ทำให้คนในกระทรวงคิดแต่เรื่องที่จะแข่งขัน ไต่เต้า เรื่องนี้เป็นข้อมูลใหม่ว่าทำไม เมื่อมีนักวิชาการมาวิจารณ์การศึกษาไทย แล้วทางกระทรวงศึกษาฯ กลับไม่สนใจ ไม่แคร์ และยังทำงานอยู่ในกรอบระเบียบกฎเกณฑ์ แม้มีงานวิจัยกว่าหมื่นชิ้นออกมาวิจารณ์ก็ไม่ระคายเคือง เพราะเขาไม่ต้องเดือดร้อน เมื่อถึงสิ้นปีเงินค่าจัดการศึกษาก็เพิ่มขึ้น ตรงกันข้ามกับคุณภาพการศึกษาที่ด้อยลง เดินหน้าลงคลอง สอนแบบเดิมๆ”

ส่วนข้อ 3. การศึกษาของไทยไม่มีระบบการเรียนรู้ เน้นดิจิตอล เน้นการค้นหาเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดการคิดแตกต่าง สร้างสรรค์ แต่ไปเน้นเรื่องเนื้อหาสาระ การท่องจำ เมื่อเด็กเรียนจบสอบผ่านก็จะทิ้งสิ่งที่ท่องจำไป ทำให้เป็นคนยึดติดแต่กรอบ กลายเป็นพลเมืองเฉื่อยชา ซึ่งนับวันเด็กไทยจะถูกทำลาย จากหลักสูตรที่ออกแบบล้าหลัง ให้ครูสอนแบบบรรยาย เน้นให้เด็กเรียนมากๆ และข้อ 4. ไทยไม่มีปรัชญาการศึกษา มีแต่การแข่งขัน ซึ่งจะเห็นการติววิชาต่างๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเพื่อการสอบแข่งขัน มีการประกันเรื่องคุณภาพการศึกษา จนเป็นสาเหตุทำให้ครูออกจากห้องเรียนมากถึง 66 วัน จึงถือเป็นความล้าหลังอย่างมาก

“ถามใครจะขับเคลื่อนทำให้กระทรวงศึกษา ออกมายอมรับและเปลี่ยนแปลง เพราะนักการเมืองเข้ามาก็ทำงานแบบวูบวาบ รวมถึงคนในกระทรวง เมื่อคนออกมาวิจารณ์ ก็จะวูบวาบสักพักแล้วจะเงียบไป ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2540 การศึกษาของไทยยังไม่มีการเปลี่ยนหลักสูตรที่ใช้มานาน 20 กว่าปี ถือเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับอนาคตของการศึกษาไทยที่ถอยหลัง หากยังไม่มีใครมาจัดการ คงไม่ถึงไทยแลนด์ 4.0 เพราะตอนนี้แค่ 2.0 จนประเทศอื่นในอาเซียนไปไกลหมดแล้ว เวียดนามวิ่งแซงหน้า มีเหนือกว่าก็กัมพูชา กับลาว เท่านั้น”

พร้อมบอกอีกว่าการปฏิรูปการศึกษา ต้องตั้งคนมีความรู้มาปฏิรูป ดำเนินการจากข้างล่างมาสู่ข้างบน เน้นการมีส่วนร่วม ซึ่งการปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบัน มีแผนนโยบายหลายอย่างที่ยอมรับได้โดยเฉพาะการลดความเหลื่อมล้ำ มีการตั้งกองทุนเกี่ยวกับการศึกษา และการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน แต่ที่ผ่านมากลับเงียบ ไม่ดึงคนมามีส่วนร่วมรับฟัง และหากดำเนินนโยบายจริงจัง โดยส่วนตัวมองว่าไม่ต้องรอให้ถึง 20 ปีตามยุทธศาสตร์ชาติ คิดว่า 10 ปี จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน นอกจากนี้ ต้องปลดล็อกกระทรวงศึกษาธิการ ให้โรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่เป็นอิสระ.


ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก ไทยรัฐ วันที่ 18 ตุลาคม 2561

 

 


แฉต้นตอการศึกษาไทยล้าหลัง สร้างพลเมืองเฉื่อยชา เด็กอ่านหนังสือไม่ออกแฉต้นตอการศึกษาไทยล้าหลังสร้างพลเมืองเฉื่อยชาเด็กอ่านหนังสือไม่ออก

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 13 ราย เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567

ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 13 ราย เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567

เปิดอ่าน 26,498 ☕ 24 ต.ค. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
นโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569
นโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569
เปิดอ่าน 447 ☕ 22 พ.ย. 2567

ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
เปิดอ่าน 389 ☕ 22 พ.ย. 2567

สมศ.ขานรับนโยบาย "บิ๊กอุ้ม"  ภายใน 5 ปี ประเมินสถานศึกษาครบกว่า 5.8 หมื่นแห่ง
สมศ.ขานรับนโยบาย "บิ๊กอุ้ม" ภายใน 5 ปี ประเมินสถานศึกษาครบกว่า 5.8 หมื่นแห่ง
เปิดอ่าน 542 ☕ 19 พ.ย. 2567

คุรุสภาเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. ... และ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาพิเศษ พ.ศ. ... ระหว่างวันที่ 15 - 30 พฤศจิกายน 2567
คุรุสภาเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. ... และ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาพิเศษ พ.ศ. ... ระหว่างวันที่ 15 - 30 พฤศจิกายน 2567
เปิดอ่าน 712 ☕ 15 พ.ย. 2567

"สุเทพ" แนะศึกษาธิการจังหวัดสร้างศรัทธาในการทำงานพร้อมร่วมมือพันธมิตรในพื้นที่ขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษา
"สุเทพ" แนะศึกษาธิการจังหวัดสร้างศรัทธาในการทำงานพร้อมร่วมมือพันธมิตรในพื้นที่ขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษา
เปิดอ่าน 821 ☕ 15 พ.ย. 2567

ปฏิทินการบริหารงานบุคคล สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี พ.ศ. 2568
ปฏิทินการบริหารงานบุคคล สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี พ.ศ. 2568
เปิดอ่าน 3,453 ☕ 13 พ.ย. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ไขข้อข้องใจ ไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ ลามทั่วโลก
ไขข้อข้องใจ ไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ ลามทั่วโลก
เปิดอ่าน 9,437 ครั้ง

แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศ
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศ
เปิดอ่าน 35,614 ครั้ง

ข้อคิดดีๆ จากละคร "แรงเงา"
ข้อคิดดีๆ จากละคร "แรงเงา"
เปิดอ่าน 22,183 ครั้ง

เปิดประตูบ้านทิศใด เจรจาความจะสำเร็จ
เปิดประตูบ้านทิศใด เจรจาความจะสำเร็จ
เปิดอ่าน 19,127 ครั้ง

3 ปัจจัย ให้ได้งานเมื่อเรียนจบ
3 ปัจจัย ให้ได้งานเมื่อเรียนจบ
เปิดอ่าน 12,858 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ