มุ่งเป็นสถาบันวิจัย-พัฒนา เตรียมยกระดับคุณภาพ ศพด. พร้อมส่งต่อเด็กสู่ระบบการศึกษา
ดร.ประสาร ขอสังคมเชื่อมั่น กองทุนเดินหน้ารอบคอบและมีธรรมาภิบาล มุ่งแก้ปัญหายั่งยืน
ธ.ค.นี้พร้อมช่วยเด็กยากจนพิเศษก่อน 6.2 แสนคน
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 มีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาครั้งที่ 6/2561 โดย ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหาร กสศ. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมของคณะกรรมการบริหาร กสศ. ได้พิจารณาปรับปรุงแผนปฏิบัติการปีงบประมาณ 2561 และ 2562 ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติปรับลดงบประมาณในปี 2561 ตามข้อเสนอของสำนักงบประมาณจากวงเงินที่ขอไป 636 ล้านบาท เป็น 499.187 ล้านบาท ส่วนงบประมาณปี 2562 จากยอดเดิมซึ่งกสศ.เสนอขอรับงบประมาณจากการแปรญัตติจำนวน 5,949.75 ล้านบาท ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติอนุมัติงบประมาณจำนวน 2,537.365 ล้านบาท ลดลง 57% จากที่ กสศ. ได้เสนอขอไป คณะกรรมการบริหาร กสศ. จึงได้พิจารณาปรับแผนการจัดสรรงบประมาณให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุดภายใต้งบประมาณที่ถูกตัดทอนลง
ประธานกรรมการบริหาร กสศ. กล่าวว่า แม้จะต้องลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายลงทุกกลุ่ม แต่ในภาพรวมปีงบประมาณ 2562 จะมีเด็กและเยาวชนไม่น้อยกว่า 1,485,390 คน ได้รับการติดตาม ช่วยเหลือ จากปัญหาการขาดแคลนทุนทรัพย์หรือสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา โดย กสศ.จะให้น้ำหนักไปที่การพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการจัดการเชิงระบบเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวที่ยั่งยืน การเตรียมการระดับนโยบาย และการส่งเสริมสนับสนุนหน่วยบริการต่างๆ เพื่อการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น ยกระดับมาตรฐานและพัฒนาความพร้อมให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสามารถส่งต่อเด็กกลุ่มนี้ให้มีพัฒนาการพร้อมเข้าสู่ระบบการศึกษา (School Readiness) จำนวน 1,975 ศูนย์ ทั่วประเทศ การจัดตั้งสถาบันวิจัยภายใน กสศ.เป็นศูนย์รวมความรู้เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (EEF Intelligence Unit) การวิจัยเครื่องมือสำรวจและประเมินทักษะความพร้อมเยาวชนในการเข้าสู่ตลาดแรงงาน (Career Readiness) การวิจัยพัฒนาเครื่องมือพัฒนาทักษะกำลังคนเพื่อรองรับเศรษฐกิจไทย 4.0 การวิจัยเครื่องมือสำรวจความก้าวหน้าตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษาระดับจังหวัด (Provincial SDG4) และการวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลสถานะความเหลื่อมล้ำและคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ไทยแบบต่อเนื่อง (Longitudinal database) การวิจัยท้องถิ่นเพื่อเข้าถึงปัญหาเฉพาะของชุมชนในด้านโอกาสทางการศึกษา
ดร.ประสาร กล่าวว่า ยุทธศาสตร์สำคัญอีกเรื่องของกสศ.คือ การให้ทุนโอกาสทางการศึกษาที่สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ โดยกสศ.สนับสนุนทุนสร้างโอกาสการศึกษาแบบให้เปล่า (Full Scholarships) ในกลุ่มเป้าหมายระดับอาชีวศึกษา นักเรียนระดับชั้นม.ปลายในพื้นที่ห่างไกลได้เรียนครู ทุนโอกาสทางการศึกษาระดับสูง ทุนเหล่านี้มุ่งเน้นกลุ่มนักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดโอกาสในการศึกษาต่อ โดยกสศ.ได้วางระบบการติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด ซึ่งกลุ่มเป้าหมายตามผลการคัดกรองนักเรียนยากจนในปีการศึกษา 1/2561 ที่กสศ.จัดทำร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีจำนวน 569,000 – 621,000 คน และคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายได้ภายในต้นเดือนธันวาคมนี้
“แม้จะได้รับงบประมาณน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ก็ยังเพียงพอให้เราเริ่มต้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กสศ. จะดำเนินการหาช่องทางระดมทรัพยากรอื่นๆ ตามที่กฎหมายเปิดโอกาสไว้มาสนับสนุนภารกิจที่ถูกปรับลดงบประมาณไป เช่น การระดมเงินบริจาคจากประชาชนและนิติบุคคล ซึ่งขณะนี้ยังรอกรมสรรพากรดำเนินการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาแก่รัฐบาลเพื่อให้ กสศ. สามารถให้สิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่าแก่ผู้บริจาคได้อยู่” ดร.ประสาร กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร กสศ. กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบระเบียบสำคัญๆ เช่น ระเบียบว่าด้วยการบริหารงานบุคลากร ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญในการจัดสรรเงิน ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบข้อมูลและการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเกณฑ์การขาดแคลนทุนทรัพย์และระดับความรุนแรงให้พิจารณาจากข้อมูลรายได้และข้อมูลสถานะครัวเรือนโดยให้นำค่าครองชีพในแต่ละพื้นที่มาประกอบการพิจารณาด้วย นอกจากนี้ยังกำหนดรายการช่วยเหลือที่ กสศ.สามารถสนับสนุนได้ อาทิ ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา ค่าใช้จ่ายในการเตรียมความพร้อมของเด็กเพื่อสามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ค่าเลี้ยงดูเด็กเล็กสำหรับครอบครัว ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาเรียน ค่าอาหาร ค่าครองชีพระหว่างเรียน ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ทุนเพื่อฝึกอบรม ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมทักษะอาชีพสำหรับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส
“ระเบียบทั้งหมดนี้ คณะกรรมการบริหาร กสศ.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ รัดกุม เพราะจะมีผลสำคัญต่อการวางรากฐานการทำงานของ กสศ. ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระบบการทำงานของกองทุนที่โปร่งใสมีธรรมาภิบาล เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน โดยก้าวสำคัญในช่วงเดือนตุลาคมนี้ กสศ. จะร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดให้มีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลกลุ่มเป้าหมายทั้ง 620,000 คนด้วยระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาหรือ iSEE เพื่อพิสูจน์ให้สังคมมั่นใจว่าการสนับสนุนรอบแรกของ กสศ.ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมนั้นจะสามารถช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจนที่สุดเพิ่มเติมจากที่หน่วยงานอื่นดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้ไม่ต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา” ดร.ประสาร กล่าว