“หมออุดม” แนะครู อาจารย์ ปรับตัวเปลี่ยนการสอน ธนาคารโลกระบุ ปี 2030 เด็กไทยตกงาน 72% ได้เห็นมหา’ลัยปิดตัวแน่
วันนี้ (11 ก.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ กรุงเทพฯศ.นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “แนวทางการปฏิรูปการศึกษาสู่การพัฒนาประเทศ” ตอนหนึ่งว่า สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดงานมหกรรม “ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปประเทศ” ขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เห็นว่า การปฏิรูปการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งขณะนี้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่อาศัยนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนในการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเราต้องสร้างนวัตกรรมเองให้ได้ เพื่อยกระดับประเทศให้พ้นจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ขณะเดียวกันต้องตอบโจทย์โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมาก การให้การศึกษาเด็กไทยทุกระดับต้องปรับเปลี่ยนใหม่ ครู อาจารย์ ต้องปรับกระบวนการทางความคิดจะสอนด้วยหลักสูตรแบบเดิม กระบวนการการเรียนการสอนแบบเดิม การเตรียมเด็กแบบเดิมไม่ตอบโจทย์อนาคตข้างหน้าแล้ว จากข้อมูลของธนาคารโลก ระบุว่า ปี 2030 เด็กประเทศไทยที่เรียนจบจะตกงาน 72% การทำงานถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ หุ่นยนต์เอไอ ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเร็วกว่านั้น และขณะนี้ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกรับสมัครงาน โดยไม่สนคุณวุฒิการศึกษา ซึ่งต่อไปความรู้ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ความรู้ล้าสมัยได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องสร้างทักษะสมรรถนะในตัวของเด็กให้สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ให้องค์กรได้ ดังนั้น ครู อาจารย์ และผู้บริหารการศึกษา ต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตนไม่อยากให้ประเทศเราเป็นประเทศที่ล้าหลัง แพ้ลาว แพ้เขมร
“เป็นเรื่องที่เราต้องเตรียมพร้อมและคำนึงถึงมากๆว่า ลูกศิษย์เราที่ผลิตออกไปจะตกงาน รวมถึงอาชีพบางอย่างจะถูกแทนด้วยเครื่องมือ หุ่นยนต์ ดังนั้น จึงต้องเตรียมความพร้อมว่า ลูกศิษย์ของเราถ้าจบแล้วจะออกไปทำอาชีพอะไรได้ วันนี้โลกเปลี่ยนไปมาก ถ้าระบบการเรียนการสอนยังเหมือนเดิมไม่ตอบโจทย์ เด็กจะไม่เข้ามาเรียน อย่างในสหรัฐอเมริกา มีมหาวิทยาลัยทั้งหมด 4,400 แห่ง ปิดตัวไปแล้ว 500-600 มหาวิทยาลัย และ อีก 10 ปีข้างหน้าจะปิดลงอีก 50% เด็กหันมาเรียนออนไลน์มากขึ้น ขณะที่ประเทศไทยก็เชื่อว่า จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน วันนี้เด็กปี1 ทุกมหาวิทยาลัยลดลง 70% เด็กที่เข้าเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานลดลงทุกโรงเรียน”รมช.ศธ.กล่าวและว่า เราไม่อยากให้มหาวิทยาลัยปิดตัว หลักสูตรในระดับอุดมศึกษา ต้องปรับให้ทันสมัย การเรียนแบบคณะต้องหายไป มีการบูรณาการการเรียนร่วมกันมากขึ้น มหาวิทยาลัยที่จะอยู่ได้ ต้องตอบโจทย์เด็ก มีคุณภาพ และตอบโจทย์ประเทศได้
ศ.นพ.อุดม กล่าวต่อไปว่า การเรียนที่สำคัญที่สุด คือ การเรียนจากการทำงาน เรียนจากประสบการณ์จริง ครูต้องเปลี่ยนหน้าที่เป็นโค้ชกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ต้องดึงศักยภาพเด็กออกมาให้ได้ ทุกคนมีศักยภาพไม่เหมือนกัน เราต้องไม่ตัดเสื้อโหลให้ทุกคนใส่เหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว เด็กชอบอะไร เด็กถนัดอะไร ก็ต้องดึงทักษะ สมรรถนะของเขามาพัฒนาให้เขาสามารถเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้ เพื่อเปลี่ยนสังคมและเปลี่ยนโลกได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเรียนรู้ยุคใหม่
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันอังคารที่ 11 กันยายน 2561