ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ผลวิจัยนักวิชาการไม่เห็นด้วย100 %เด็กสอบเข้าป.1


ข่าวการศึกษา 7 ก.ย. 2561 เวลา 15:02 น. เปิดอ่าน : 9,643 ครั้ง
Advertisement


Advertisement

ผลวิจัยนักวิชาการไม่เห็นด้วย100 %เด็กสอบเข้าป.1

ครุศาสตร์ มสด.ร่วมกับสวนดุสิตโพล เปิดผลวิจัยสอบเข้าป.1 นักวิชาการไม่เห็นด้วย 100 %การสอบเข้า ชี้ส่งผลพัฒนาการเด็ก พบหลายโรงไม่ให้เด็กนอนกลางวันเอาเวลาไปติว กวดวิชาต่อปีเกิน1แสน แนะใช้วิธีหลากหลายคัดเด็กตามความเหมาะสม

วันนี้(6ก.ย.)ที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต(มสด.)ได้มีการแถลงข่าวการวิจัยเรื่อง ผลจากระบบการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อตัวเด็ก ครอบครัว และโรงเรียน รวมทั้งหาแนวทางในการคัดเลือกเด็กเพื่อเข้าศึกษาต่อระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยผศ.ดร.ชนะศึก นิชานนท์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนาการศึกษา มสด.ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยผลจากระบบการสอบคัดเลือกฯ กล่าวว่า สถาบันการวิจัยและพัฒนา สาขาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ และสวนดุสิตโพล ได้ศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าว โดยการสัมภาษณ์และแบบสอบถามในเชิงลึกและเชิงกว้าง กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยนักวิชการ ผู้บริหารโรงเรียน ครู ผู้ปกครองและเด็ก ผลวิจัยพบว่านักการศึกษาและผู้เชี่ยวชาญไม่เห็นด้วย 100 % กับการให้เด็กสอบเข้าป.1 ผู้บริหารโรงเรียน ไม่เห็นด้วย 75 % เห็นด้วย 25% ครูอนุบาลไม่เห็นด้วย 58 % เห็นด้วย 42 % และผู้ปกครองไม่เห็นด้วย 48.23 % เห็นด้วย 51.11% เหตุผลที่เห็นด้วยกับการสอบ คือเด็กได้ฝึกทักษะทางวิชาการ เพื่อเตรียมตัวสอบ การสอบทำให้โรงเรียนประถมศึกษาสามารถจัดเด็กที่มีความสามารถใกล้เคียงกันไว้ห้องเดียวกัน เด็กทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการศึกษาต่อโรงเรียนที่มีชื่อเสียงและสามารถตรวจสอบได้ ส่วนเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับการสอบคือ การสอบไม่สามารถประเมินความสามารถของเด็กได้ครอบคลุมทุกด้าน การสอบไม่สอดคล้องกับหลักการทางการศึกาปฐมวัย และการประเมินพัฒนาการของเด็กปฐมวัย เด็กเกิดความกดดันและความเครียด และเด็กไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมตามวัย

ผศ.ดร.ชนะศึก กล่าวต่อไปว่า ส่วนระบบการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาต่อป.1 มีผลต่อตัวเด็ก 4 ด้านคือ ด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม-จิตใจ และสติปัญญา โดยนักวิชาการส่วนใหญ่เห็นว่าการสอบทำให้เด็กขาดโอกาสในการพัฒนาทางด้านร่างกาย และน่าตกใจโรงเรียนหลายแห่งไม่ให้เด็กนอนกลางวัน เพราะเอาเวลานอนไปติวให้แก่เด็ก เพื่อเตรียมตัวสอบเข้า ป.1 ส่วนผลต่อพัฒนาการด้านอารมณ์ คือเด็กเกิดความกดดัน เครียดสะสมบางคนถึงอาเจียน ทำให้ความสุขของเด็กลดลง กรณีที่เด็กสอบไม่ได้จะรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถทำให้ผู้ปกครองดีใจ เกิดความผิดหวังเพราะถูกตัดสิทธิ์ตามข้อตกลงกับผู้ปกครอง และนำไปสู่การทำลายความมั่นใจของเด็ก ส่วนพัฒนาการด้านสังคม ผลเชิงบวกเด็กมีโอกาสรู้จักกับเพื่อนใหม่ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แต่เกิดผลเชิงลบ เด็กขาดโอกาสในการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน เพราะมุ่งเน้นฝึกทำข้อสอบ ปลูกฝังลักษณะนิสัยชอบเอาชนะ ด้านพัฒนาการสติปัญญา ผลเชิงลบ เด็กเรียนรู้แต่การท่องจำและฝึกทักษะทางวิชาการ ทำให้สมองของเด็กไม่ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง และเหมาะสมกับวัยของเด็ก

ผศ.ดร.ชนะศึก กล่าวอีกว่า ส่วนผลกระทบการสอบที่มีต่อครอบครัวคือ การใช้เวลาร่วมกันของครอบครัวลดลง ครอบครัวต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากจ่ายค่าเรียนพิเศษ หรือการกวดวิชา บางครอบครัวเสียค่ากวดวิชา เพื่อเตรียมสอบเข้าเกิน 100,000 บาท ต่อปี ขณะที่ผลกระทบต่อโรงเรียนคือ โรงเรียนอนุบาล ต้องปรับรูปแบบการสอนโดยเพิ่มเนื้อหาวิชาการมากเกินไป โรงเรียนต้องเตรียมตัวเด็กโดยการจำลองสถานการณ์ในการสอบทำให้การทำกิจกรรมลดลง เพราะเป็นความต้องการของผู้ปกครอง ครูต้องเพิ่มหน้าที่ในการเตรียมตัวในการสอบให้กับเด็กทั้งในวันปกติและวันหยุด ส่วนโรงเรียนประถมศึกษาเด็กมีพฤติกรรมต่อต้านการเรียน เรียนรู้เพื่อทำข้อสอบ ไม่สามารถปรับประยุกต์ความรู้ที่เรียนเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

“สำหรับข้อเสนอและแนวทางในการคัดเลือกเด็กเข้าป.1 มีความหลากหลาย เช่น การประเมินพัฒนาการและสมรรถนะของเด็กตามวัย การรับเด็กในเขตพื้นที่บริการ/ใกล้บ้าน การจับฉลาก การสัมภาษณ์เด็ก การทดสอบ การสัมภาษณ์พ่อแม่ และผู้ปกครอง อย่างไรก็ตามในการคัดเลือกเด็กเข้าป.1นั้นยังไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุด โรงเรียนควรใช้วิธีที่หลากหลายในการคัดเลือกเด็กเข้าศึกษาต่อ และการใช้วิธีการทดสอบควรอยู่ในมาตรฐาน หรือเกณฑ์การพัฒนาตามความพร้อมในแต่ละช่วงวัย”ผศ.ดร.ชนะศึก กล่าว

ด้านรศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี อดีตผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การสอบเกิดผลกระทบชัดเจนกับเด็ก โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูก 2 คน คือ ลูก 1 คนสอบติด แต่ลูกอีกคนสอบไม่ติด และจากประสบการณ์พบเด็กน่าสงสารมาก อายุ 3 ปี แต่เล่นไม่เป็น เนื่องจากพ่อแม่ไม่มีเวลาในการทำกิจกรรมร่วมกับลูก ทำให้เด็กเวลาไปเล่นกับเด็กคนอื่นจะเล่นแรงมาก เพราะไม่รู้ว่าควรจะเล่นขนาดไหน สุดท้ายเด็กเป็นจำเลย.


ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน 2561

 

 


ผลวิจัยนักวิชาการไม่เห็นด้วย100 %เด็กสอบเข้าป.1ผลวิจัยนักวิชาการไม่เห็นด้วย100%เด็กสอบเข้าป.1

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และที่แก้ไขเพิ่มเติม

หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และที่แก้ไขเพิ่มเติม

เปิดอ่าน 165 ☕ 23 พ.ย. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เปิดอ่าน 544 ☕ 23 พ.ย. 2567

หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เปิดอ่าน 483 ☕ 23 พ.ย. 2567

หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เปิดอ่าน 165 ☕ 23 พ.ย. 2567

หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เปิดอ่าน 298 ☕ 23 พ.ย. 2567

นโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569
นโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569
เปิดอ่าน 2,281 ☕ 22 พ.ย. 2567

ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
เปิดอ่าน 598 ☕ 22 พ.ย. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ลำดับขั้นในการวิจัย
ลำดับขั้นในการวิจัย
เปิดอ่าน 202,920 ครั้ง

ลดความอ้วนด้วยตะเกียบ ช่วยถ่วงให้กินได้ช้าลงและคำเล็กลง
ลดความอ้วนด้วยตะเกียบ ช่วยถ่วงให้กินได้ช้าลงและคำเล็กลง
เปิดอ่าน 9,538 ครั้ง

หมอขายครีม ผิดจรรยาบรรณ?
หมอขายครีม ผิดจรรยาบรรณ?
เปิดอ่าน 22,583 ครั้ง

ล้างพิษด้วยตนเองใน 1 วัน‏
ล้างพิษด้วยตนเองใน 1 วัน‏
เปิดอ่าน 15,932 ครั้ง

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
เปิดอ่าน 60,157 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ