ย้ำกระทรวงอุดมฯต้องเป็นราชการน้อยลง ตอบโจทย์ประทศมากขึ้น”หมออุดม”ชี้คนกระทรวงใหม่ ต้องมีวิสัยทัศน์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศ หากทำงานแบบเดิมๆเล็งให้เออรี่รีไทน์
วันนี้( 24 ส.ค.) ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) เครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย( RUN) จัดเสวนาเรื่องกระทรวงใหม่...โอกาสและความท้าทาย สำหรับมหาวิทยาลัย” โดยดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า การจัดตั้งกระทรวงอุดม วิจัยและนวตกรรม ถือเป็นโอกาสและความท้าทายของมหาวิทยาลัย โดยกระทรวงใหม่มี 2 ภารกิจ คือ1. ปรับเปลี่ยนโครงสร้างประเทศไทยสู่เศรษฐกิจฐานนวตกรรม และ2.เตรียมประเทศสู่ศตวรรษที่ 21 กระทรวงใหม่มี 8 หลักการ เช่น ต้องปรับประเทศไปสู่โลกที่ 1 ชี้นำทิศทางด้วยทุนวิจัยที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์และนโยบาย มุ่งส่งเสริมองค์ความรู้และความสามารถในการวิจัยและสร้างนวตกรรมของภาครัฐ เอกชนและชุมชน มีการบริหารสมัยใหม่ มีการขับเคลื่อนไหลของบุคลากรได้อย่างคล่องตัว สร้างวัฒนธรรมที่เปิดรับความคิดเห็นและร่วมมือกัน และมีความอิสระบนพื้นฐานของภารกิจที่รับผิดชอบบนโจทย์และตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน และ 3 ปฏิรูป โจทย์สำคัญคือ ขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและการเตรียมพร้อมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 และประเทศไทย 4.0 ซึ่งมหาวิทยาลัยต้องมีบทบาท
“กระทรวงใหม่จะมีความเป็นระบบราชการน้อยลง ตอบโจทย์ประทศมากขึ้น รวมถึงต้องปฏิรูป เช่น กฏ ระเบียบต่าง ๆต้องเปลี่ยน เช่น อาจารย์สามารถทำงานวิจัยได้อย่างเต็มที่ และสามารถใช้ประโยชน์จากงานวิจัยได้ โดยงบวิจัยจะมีลักษณะเป็นงบฯใช้มากกว่า 1 ปี ที่จะนำมาสนับสนุนอาจารย์และนักศึกษาให้ผลิตผลงาน ที่เป็นนวตกรรม เพื่อสร้างงานวิจัยชั้นนำของประเทศ ดังนั้นการจัดตั้งกระทรวงอุดม วิจัยและนวตกรรม จึงเป็นโอกาสและความท้าทายของมหาวิทยาลัย ส่วนความก้าวหน้าการจัดตั้งกกระทรวงการอุดมฯ ซึ่งในส่วนของกระทรวงวิทยฯ กำลังเร่งดำเนินการกฎหมายต่างๆ ทั้งร่างพ.ร.บ.วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ... อยู่ระหว่างการประชาพิจารณ์ ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวง พ.ศ..ทางคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จะเป็นผู้ผลักดัน คาดว่าทั้ง 2 ฉบับจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนก.ย.นี้ คาดกระทรวงการอุดมฯเกิดขึ้นทันในรัฐบาลชุดนี้แน่นอน”ดร.สุวิทย์ กล่าว
ด้านศ.นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีหน้าที่สร้างคนและ สร้างนวตกรรม ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยต้องผลิตคนที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ และเชื่อมโยงกับกระทรวงอุดมฯ ที่ผ่านมาประเทศเดินไปข้างหน้าไม่ได้หรือเดินช้า เพราะติดเรื่องระบบปฎิรูปราชการ ซึ่งก็คือคน ขณะนี้มีข้าราชการ 5 ล้านคน ดังนั้นถ้าจะให้ประเทศเดินได้ต้องไล่ข้าราชการออกให้หมด แต่ก็ไม่ใช่ว่า 5 ล้านคนไม่ดี อย่างน้อยครึ่งหนึ่งดี แต่ระบบราชการไปครอบคนเหล่านี้อยู่ เมื่อให้ออกไปแล้วก็จะเปิดให้สมัครเข้ามาใหม่ โดยคัดเข้ามาเพียงครึ่งเดียว ส่วนที่เหลือจ่ายเงินให้เป็น 2 เท่า อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทำได้ยาก และเป็นเพียงแนวคิด อย่างไรก็ตามคนทำงานกระทรวงใหม่จะต้องมีวิสัยทัศน์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศ หากคนทำงานแบบเดิม มีแนวคิดการทำงานไม่ตอบรับการทำงานใหม่ อาจจะเปิดให้มีการเออรี่รีไทน์ในอนาคต เพื่อจัดหาคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2561