ที่ประชุม ก.ค.ศ.ถก แผนการสอบครูภาค ก ใช้ข้อสอบ ก.พ.สอบให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ ตามแนวทางปฎิรูประบบราชการ พร้อมเห็นชอบแก้ไขเกณฑ์พัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน
วันนี้ (17 ส.ค.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณา เห็นชอบให้แก้ไขข้อความในหลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.7/ ว 22 ลงวันที่ 5 ก.ค. 2560 ดังนี้ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยให้ประเมินตนเอง พร้อมทั้งจัดทำแผนพัฒนาตนเองเป็นรายปีตามแบบที่ส่วนราชการกำหนด และเข้ารับการพัฒนาตามแผนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องในรอบ 5 ปีที่ขอรับการประเมินให้มีและเลื่อนวิทยฐานะ ต้องมีจำนวนชั่วโมงการพัฒนา 100 ชั่วโมง แต่มีการยืดหยุ่นหากมีจำนวนชั่วโมงการพัฒนาไม่ครบ 100 ชั่วโมง แต่ไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมง สามารถนำจำนวนชั่วโมงการมีส่วนร่วมในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ส่วนที่เกิน 50 ชั่วโมงในแต่ละปี มานับรวมเป็นจำนวนชั่วโมงการพัฒนาให้ครบ 100 ชั่วโมงได้ ขณะที่หลักสูตรการพัฒนาต้องมีองค์ประกอบด้านความรู้ ด้านทักษะ ด้านความเป็นครู และด้านคุณลักษณะที่คาดหวัง โดยต้องเป็นหลักสูตรที่สถาบันคุรุพัฒนารับรองตามมาตรฐานวิทยฐานะ หรือตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด อย่างไรก็ตามสามารถนำจำนวนชั่วโมงการพัฒนาที่เข้ารับการอบรมในสถาบันวิชาการอื่น ๆ เสนอ ก.ค.ศ. พิจารณารับรองได้ โดยให้ส่วนราชการเสนอหลักสูตรพัฒนาเพื่อให้ ก.ค.ศ. พิจารณารับรอง
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังรับทราบความก้าวหน้าการพัฒนาระบบการสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไป เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน สำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประประเภท ซึ่งคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จะเป็นผู้ดำเนินการสอบภาค ก ทั้งหมด ซึ่งได้มีการหารือร่วมกันกับผู้แทนจากองค์กรกลางบริหารงานบุคคลทุกประเภทแล้ว โดยภาพรวมมีความเห็นสอดคล้องกันว่า การดำเนินการเช่นนี้จะทำให้บุคลากรภาครัฐมีมาตรฐานเดียวกัน มีความโปร่งใสในการเข้าสู่ระบบราชการ ลดภาระผู้สนใจเข้ารับราชการในภาพรวม ทั้งค่าใช้จ่าย เวลา และการเดินทาง และลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในการดำเนินการสอบ โดยปฏิทินการสอบ เห็นควรให้มีการสอบอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง สำหรับภาค ข และภาค ค เป็นรายละเอียดที่แต่ละองค์กรจะไปกำหนดให้มีความสอดคล้องกับความต้องการบุคลากรเฉพาะทางของตนเอง ซึ่งจะเริ่มในปี 2563 ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษตามข้อ 3 ของกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยอำนาจการลงโทษ ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือน พ.ศ. 2561 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 20 ส.ค.นี้ มีอำนาจสั่งลงโทษลดเงินเดือนข้าราชการครูฯตำแหน่งที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ครั้งหนึ่งไม่เกินหนึ่งขั้นไปพลางก่อน จนกว่ากฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ... มีผลบังคับใช้
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม 2561