ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

นโยบายการจัดการศึกษาเด็กปฐมวัย


ข่าวการศึกษา 8 มิ.ย. 2561 เวลา 03:55 น. เปิดอ่าน : 18,204 ครั้ง
Advertisement


Advertisement

นโยบายการจัดการศึกษาเด็กปฐมวัย

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดพิจิตร เพื่อติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลด้านการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย เมื่อวันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน 2561 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2561 พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 2 (นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร พิจิตร) ณ จังหวัดนครสวรรค์ ในวันที่ 12 มิถุนายน 2561

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ย้ำถึงความสำเร็จของการปฏิรูปการศึกษา "ต้องเริ่มจากการศึกษาระดับปฐมวัย" โดยมอบ ศธจ. เป็นหน่วยงานหลักในการประสานและบูรณาการทุกฝ่ายในพื้นที่ ให้ทุกภาคส่วนตระหนักว่าเด็กเล็กไม่ใช่สมบัติของหน่วยใดหน่วยหนึ่ง แต่ "เด็กเล็กถือเป็นสมบัติของชาติ" จึงไม่มีนโยบายให้โรงเรียนทุกสังกัดเปิดรับเด็กปฐมวัย หากจะจัดต้องมีความพร้อมจริง ๆ เพื่อให้เด็กมีคุณภาพและเติบโตไปสู่การเป็นเด็ก 4.0 ในอนาคต สอดคล้องกับ "ดร.วีระชาติ กิเลนทอง" จาก ม.หอการค้าไทย ที่ย้ำว่าการลงทุนในเด็กตั้งแต่ช่วงปฐมวัย เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุดที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม โดยแนะหลักสูตรเด็กปฐมวัย "ไฮสโคป (High Scope)" ที่ได้พิสูจน์ตัวเองมากว่า 50 ปีแล้วเป็นแนวทางจัดการเรียนการสอน

สรุปการลงพื้นที่จังหวัดพิจิตรของ รมว.ศึกษาธิการ
ได้เยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอนของเด็กปฐมวัย
ทั้ง 3 ส่วน คือ รัฐ เอกชน ท้องถิ่น
รวมทั้งการจัดหลักสูตรปฐมวัยของ วชช.พิจิตร

1. รัฐ : ที่โรงเรียนอนุบาลเมือง (ท่าหลวงสงเคราะห์)

รมว.ศึกษาธิการ และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการจัดการศึกษาเด็กปฐมวัย ที่โรงเรียนอนุบาลเมือง (ท่าหลวงสงเคราะห์) อ.เมืองพิจิตร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) พิจิตร เขต 1 ซึ่งรับเด็กปฐมวัยเข้าเรียน ชั้นอนุบาล 1 (3 ขวบ) มีนักเรียนชาย 4 คน หญิง 6 คน รวม 10 คน

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การเดินทางมาติดตามการจัดการศึกษาปฐมวัย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 54 ที่บัญญัติไว้ว่า รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็นเวลา 12 ปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย โดยในการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้ตรวจเยี่ยมและติดตามการเรียนการสอนของ 3 ส่วน คือ รัฐ เอกชน และท้องถิ่น

สำหรับโรงเรียนอนุบาลเมืองฯ ได้รับฟังผลการดำเนินงานตลอดเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งปัญหาอุปสรรค และความต้องการการสนับสนุนของหน่วยงานที่ร่วมจัดการศึกษา ซึ่งพบว่าการจัดการศึกษาปฐมวัยยังขาดความเชื่อมโยงการทำงาน และขาดการบูรณาการระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ สิ่งสำคัญคือทุกคนยังทำงานตามสังกัดตัวเอง จึงจะให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ดูแลการจัดการศึกษาปฐมวัยของทุกหน่วยงานในพื้นที่ในภาพรวม แบ่งปันทรัพยากร ตลอดจนแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ร่วมกันเชิงบูรณาการ อาทิ ให้อาชีวะช่วยจัดทำของเล่น/อุปกรณ์เสริมพัฒนาการ, การจัดอบรมครูที่ไม่ได้จบสาขาปฐมวัย, การใช้หลักสูตรอบรมครูร่วมกัน, การใช้สื่อการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนครูและสื่อการเรียนการสอน เป็นต้น

 

2. เอกชน : ที่โรงเรียนยอแซฟพิจิตร

จากนั้น รมว.ศึกษาธิการ และคณะ เดินทางต่อไปยังโรงเรียนยอแซฟพิจิตร อ.เมืองพิจิตร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ซึ่งจัดการศึกษาปฐมวัย รับนักเรียนเข้าเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 จำนวน 145 คน

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวย้ำว่า ไม่มีนโยบายให้โรงเรียนทุกสังกัดเปิดรับเด็กปฐมวัย โดยเฉพาะภาครัฐ หากจะจัดต้องมีความพร้อมจริง ๆ เพื่อลดการสูญเสียทรัพยากรและไม่แย่งเด็กจากภาคเอกชน เพราะหากมีนักเรียนเพียง 1 คนต่อห้องเรียน ดังเช่นในพื้นที่ สพป.พิจิตร เขต 1 ที่มีห้องเรียนเช่นนี้ในโรงเรียนถึง 10 แห่ง และโรงเรียนอีกหลายแห่งที่เปิดทำการสอนนักเรียนเพียง 1-2 คน โดยยืนยันถึงเหตุผลความจำเป็นทั้งความต้องการของผู้ปกครอง ปัญหาการเดินทางของนักเรียน ฯลฯ แต่หากเป็นเช่นนี้การพัฒนาคุณภาพก็คงไม่เกิด และจะเปรียบเสมือนเปิดห้องเรียนเพื่อตำแหน่งหรือเงินอุดหนุนเท่านั้น ไม่ได้ช่วยพัฒนาการศึกษาปฐมวัยของเด็กในชาติให้เป็นพื้นฐานสำคัญเพื่อเติบโตไปสู่การเป็นเด็ก 4.0 ในอนาคต เพราะเด็กเป็นสมบัติของประเทศ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง

ดังนั้น แม้การศึกษาปฐมวัยเป็นการศึกษาภาคบังคับที่รัฐจัดให้ฟรี แต่รัฐก็ต้องมีความพร้อมด้วย และมีนโยบายให้จัดการหารือร่วมกันของทุกหน่วยงานในพื้นที่ โดยมี ศธจ. ดูแลในภาพรวม ก่อนที่จะเปิดทำการสอนการศึกษาระดับปฐมวัย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเด็กและมีความคุ้มค่ามากที่สุด ส่วนที่เปิดไปแล้ว ก็คงต้องหาแนวทางบริหารจัดการต่อไป

 

3. ท้องถิ่น : ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านลำนัง

ช่วงบ่าย รมว.ศึกษาธิการ เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านลำนัง ต.ไผ่ท่าโพ อ.โพธิ์ประทับช้าง สังกัด อบต.ไผ่ท่าโพ มีจำนวนเด็กเล็ก 18 คน จัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ มุ่งให้เด็กมีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย ตามศักยภาพ เป็นที่ยอมรับของชุมชน เพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่เด็กปฐมวัย

จากนั้น ได้เยี่ยมชมโครงการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบสนามเด็กเล่นตามหลักการพัฒนาสมอง (BBL) : เล่นตามรอยพระยุคลบาท ของโรงเรียนวัดบ้านลำนัง ซึ่งจัดสถานที่และบรรยากาศให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติ เพื่อให้การเรียนเป็นเรื่องสนุกโดยใช้ธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเป็นห้องเรียน ให้สมองได้พัฒนาการในด้านโครงสร้างและการทำงานได้เต็มศักยภาพ ตลอดจนเป็นการน้อมนำพระปรีชาญาณด้านการศึกษาอบรมเลี้ยงดูพระโอรสพระธิดาของสมเด็จพระบรมราชชนกและสมเด็จพระบรมราชชนนีมาเป็นแนวทางในการออกแบบองค์ประกอบและกิจกรรมในสนามเด็กเล่นให้สอดคล้องกับการเรียนรู้ของเด็ก ประกอบด้วยพื้นที่ 3 ส่วนได้แก่

1. พื้นที่พัฒนาระบบผิวสัมผัส ประกอบด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ การวาดภาพระบายสี กิจกรรมที่เด็กมีโอกาสสัมผัสรับรู้วัสดุที่มีผิวสัมผัสต่างกัน และกิจกรรมเคลื่อนไหว เป็นต้น

2. พื้นที่พัฒนาระบบสร้างสมดุลร่างกาย จะช่วยเรื่องการเขียนอ่าน ซึ่งเด็กเล็ก ๆ ต้องการรับรู้ตำแหน่งของร่างกาย เช่น กิจกรรมที่ฝึกการเคลื่อนไหวของร่างกาย กิจกรรมการแกว่งรอบด้าน กิจกรรมการทรงตัว การยกตัว เป็นต้น

3. พื้นที่พัฒนาระบบสัมพันธภาพของร่างกาย ช่วยในเรื่องการตัดสินใจของเด็ก เนื่องจากอวัยวะที่เป็นระบบสัมพันธภาพของร่างกายจะอยู่ใต้ระบบผิวสัมผัส ทำให้เด็กได้เรียนรู้ตำแหน่งของร่างกาย เช่น กิจกรรมลักษณะที่มีแรงดึงต่อกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อต่อ กิจกรรมลักษณะที่ใช้แรงกดต่อกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อต่อ เป็นต้น โดยทางโรงเรียนได้สร้างความตระหนักให้ชุมชนรับทราบว่าโรงเรียนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน จึงได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของชุมชน ในการสนับสนุนด้านวัสดุอุปกรณ์ ต้นไม้ แรงงาน และทุนทรัพย์เพื่อจัดทำสนามเด็กเล่นให้กับโรงเรียน
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบสนามเด็กเล่นแห่งนี้ ถือเป็นต้นแบบที่ดีที่ สพฐ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรนำไปขยายผลต่อไป

 

4. วิทยาลัยชุมชนพิจิตร : หลักสูตรไฮสโคป (High Scope) ร่วมบูรณาการปฐมวัยเป็นรูปธรรม

รมว.ศึกษาธิการ เดินทางต่อไปยังวิทยาลัยชุมชนพิจิตร อ.โพทะเล ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งเดียวในจังหวัดพิจิตร สังกัดสำนักบริหารงานวิทยาลัยชุมชน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีการจัดการศึกษาใน 4 ระดับ คือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) อนุปริญญา และหลักสูตรระยะสั้น โดยได้เยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรระดับอนุปริญญาสาขาปฐมวัย ซึ่งตรงกับนโยบายการจัดการศึกษาของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับเด็กเล็กอย่างมาก

จากนั้น รมว.ศึกษาธิการ ได้เป็นประธานการประชุมการจัดการเรียนการสอนเด็กปฐมวัย ของจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 (นครสวรรค์ กำแพงเพชร อุทัยธานี พิจิตร) โดยกล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ต้องการเห็นการทำงานแบบบูรณาการการศึกษาระดับปฐมวัยร่วมกันของทุกฝ่ายอย่างแท้จริง โดยต้องการให้ทุกภาคส่วนตระหนักว่า เด็กเล็กไม่ใช่สมบัติของหน่วยใดหน่วยหนึ่ง แต่เด็กเล็กถือเป็นสมบัติของชาติ ขณะที่การปฏิรูปการศึกษาจะสำเร็จได้นั้นต้องเริ่มจากเด็กระดับปฐมวัย ซึ่งประกอบไปด้วยครูปฐมวัย หลักสูตร และตัวเด็ก โดยมีแนวทางดังนี้

1. ด้านการจัดการ เนื่องจากที่ผ่านมาทางโรงเรียนเอกชนบอกว่าโรงเรียนของ สพฐ.ไปแย่งเด็กระดับอนุบาล โดยเมื่อดูจากสถิติแล้ว เด็กอายุประมาณ 1- 3 ปี จะอยู่กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และเมื่ออายุ 4 ปีขึ้นไปจะเข้าโรงเรียนของ สพฐ. กว่าร้อยละ 50 ขณะที่การจัดการศึกษาปฐมวัยของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) พิจิตร เขต 1 เพียงเขตเดียวพบว่ามีเด็ก 1 คนต่อห้องเรียนถึง 11 แห่ง ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม จึงสั่งการให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานด้านการศึกษาในจังหวัด เพื่อร่วมกันวางแผนการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับศักยภาพโรงเรียน มีคุณภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็ก ก่อนเปิดเทอมหน้า โดยให้จังหวัดพิจิตรดำเนินการเป็นต้นแบบ ส่วน สพฐ. มอบนายสนิท แย้มเกษร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้รับผิดชอบ

2. ด้านหลักสูตร โดยมีแนวทางว่าศูนย์เด็กเล็กที่มีอยู่ในปัจจุบัน หากเพิ่มมิติทางการศึกษาเข้าไปจะสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสถานศึกษาระดับอนุบาลได้ อีกทั้งปัจจุบันเกิดปรากฎการณ์รักเด็กขึ้น หลายหน่วยงานแย่งกันรับเด็กเข้าโรงเรียน จึงย้ำว่า IQ ไม่ใช่เป้าหมายของการพัฒนาการศึกษา สิ่งสำคัญของเด็กเล็กคือการส่งเสริมพัฒนาการ สร้าง IQ ให้สัมพันธ์กับการกระตุ้นทางสังคมผ่านการจัดการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ในส่วนของอุปกรณ์ของเล่นเสริมสร้างพัฒนาการ ขณะนี้พบว่ายังขาดแคลนอยู่ทั่วประเทศ จึงสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มาช่วยผลิตโดยเน้นของเล่นที่ทำจากไม้หรือวัสดุจากธรรมชาติ ให้กับโรงเรียนของ สพฐ. โดยอาจทำเป็นรูปแบบข้อตกลง (MOU) หรือ Government To Government [G2G] ก็ได้

3. ด้านครูปฐมวัย หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยที่วิทยาลัยชุมชนพิจิตรทำอยู่นี้ถูกต้องแล้ว เนื่องจากการฝึกอบรมในขณะปฏิบัติงานเป็นสิ่งที่ดีที่สุด จะช่วยสร้างความชำนาญผ่านการลงมือทำจริง และฝากให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ประสานกับคุรุสภา ว่าจะทำอย่างไรให้หลักสูตรดังกล่าวเกิดมาตรฐาน หรือสามารถออกใบรับรองให้ได้

 

ดร.วีระชาติ กิเลนทอง ผู้ช่วยศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้นำเสนอการศึกษาวิจัยตามโครงการลดความเหลื่อมล้ำด้วยการศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพ (RIECE Thailand) ซึ่งพบว่า การลงทุนในเด็กตั้งแต่ช่วงปฐมวัยถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงในการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม โดยใช้การจัดการเรียนการสอนในหลักสูตร "ไฮสโคป (High Scope)" มีหลัก 3 ประการคือ “วางแผน-ลงมือทำ-ทบทวน” ถือเป็นหลักสูตรที่คุ้มค่าที่สุด และพิสูจน์ตัวเองมา 50 ปีแล้ว เนื่องจากลงทุนต่ำแต่ได้ผลตอบแทนน่าพอใจ เพียงแค่นำทรัพยากรที่มีอยู่แล้วมาบริหารจัดการให้เหมาะสม โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์พิเศษราคาแพงใด ๆ มาช่วยนอกจากการฝึกอบรมครูผู้สอนหรือครูพี่เลี้ยงเด็กปฐมวัยให้มีความรู้ความเข้าใจเท่านั้น

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวสนับสนุนถึงประโยชน์ของหลักสูตรไฮสโคปด้วยว่า นับเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาด้านปฐมวัยที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทำให้ทุกฝ่ายตระหนักและสนใจที่จะเข้าร่วมด้วย สามารถเริ่มต้นได้ทันทีเนื่องจากไม่ต้องมีการแก้ไขหลักสูตร เพียงปรับเปลี่ยนวิธีการสอน ส่วนด้านอุปกรณ์นั้นสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จะเข้ามาช่วยเหลือ ด้านการจัดระเบียบการสอนซึ่งถือเป็นหัวใจของการศึกษาสามารถพัฒนาจนใช้ได้กับทุกวัย และด้านครูนั้นไม่ได้เน้นการผลิตแต่เน้นการพัฒนาให้ครูปฐมวัยเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

ในส่วนของการผลักดันในระยะยาว มีคณะกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ (ก.พ.ป.) และสภาการศึกษา ทำงานร่วมกับคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ในการจัดทำร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อบรรจุในแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2579 อีกด้วย

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้อีกประมาณ 2 เดือน จะลงพื้นที่ร่วมกับ ดร.วีระชาติ และคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อติดตามผลในการจัดการศึกษาเด็กปฐมวัยต่อไป

 


Written by ปารัชญ์ ไชยเวช (บ่าย), นวรัตน์ รามสูต (เช้า)
Photo Credit ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี, บัลลังก์ โรหิตเสถียร
Rewriter นวรัตน์ รามสูต
Editor บัลลังก์ โรหิตเสถียร


ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 5 มิถุนายน 2561

 


นโยบายการจัดการศึกษาเด็กปฐมวัย

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 9 ราย เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567

ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 9 ราย เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567

เปิดอ่าน 4,768 ☕ 8 ต.ค. 2567

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
สมศ.ขานรับนโยบาย "บิ๊กอุ้ม"  ภายใน 5 ปี ประเมินสถานศึกษาครบกว่า 5.8 หมื่นแห่ง
สมศ.ขานรับนโยบาย "บิ๊กอุ้ม" ภายใน 5 ปี ประเมินสถานศึกษาครบกว่า 5.8 หมื่นแห่ง
เปิดอ่าน 508 ☕ 19 พ.ย. 2567

คุรุสภาเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. ... และ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาพิเศษ พ.ศ. ... ระหว่างวันที่ 15 - 30 พฤศจิกายน 2567
คุรุสภาเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูปฐมวัย พ.ศ. ... และ (ร่าง) ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครูการศึกษาพิเศษ พ.ศ. ... ระหว่างวันที่ 15 - 30 พฤศจิกายน 2567
เปิดอ่าน 678 ☕ 15 พ.ย. 2567

"สุเทพ" แนะศึกษาธิการจังหวัดสร้างศรัทธาในการทำงานพร้อมร่วมมือพันธมิตรในพื้นที่ขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษา
"สุเทพ" แนะศึกษาธิการจังหวัดสร้างศรัทธาในการทำงานพร้อมร่วมมือพันธมิตรในพื้นที่ขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษา
เปิดอ่าน 771 ☕ 15 พ.ย. 2567

ปฏิทินการบริหารงานบุคคล สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี พ.ศ. 2568
ปฏิทินการบริหารงานบุคคล สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี พ.ศ. 2568
เปิดอ่าน 3,373 ☕ 13 พ.ย. 2567

ประกาศรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกระดับชาติเพื่อเป็นโรงเรียนต้นแบบการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) ประจำปี 2567
ประกาศรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกระดับชาติเพื่อเป็นโรงเรียนต้นแบบการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) ประจำปี 2567
เปิดอ่าน 2,059 ☕ 13 พ.ย. 2567

สพฐ.แจ้งแนวทางการอนุญาตให้บุคลากรในสังกัดทำหน้าที่ผู้ประเมินคุณภาพภายนอก
สพฐ.แจ้งแนวทางการอนุญาตให้บุคลากรในสังกัดทำหน้าที่ผู้ประเมินคุณภาพภายนอก
เปิดอ่าน 953 ☕ 13 พ.ย. 2567

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

8 นิสัยที่ฉุดให้การทำงานของคุณย่ำอยู่กับที่
8 นิสัยที่ฉุดให้การทำงานของคุณย่ำอยู่กับที่
เปิดอ่าน 16,633 ครั้ง

พระพุทธรูปปางต่างๆ
พระพุทธรูปปางต่างๆ
เปิดอ่าน 30,318 ครั้ง

โปรแกรมการวิเคราะห์การหาค่า t score เหมาะสำหรับทำผลงานวิชาการเกณฑ์ใหม่
โปรแกรมการวิเคราะห์การหาค่า t score เหมาะสำหรับทำผลงานวิชาการเกณฑ์ใหม่
เปิดอ่าน 292,860 ครั้ง

ตอบโจทย์ "ปฏิรูปการศึกษา"?
ตอบโจทย์ "ปฏิรูปการศึกษา"?
เปิดอ่าน 8,084 ครั้ง

"ช้างน้าว" ยิ่ง "เหลือง"พรึ่บ!! เท่าไหร่ ยิ่งรวย..
"ช้างน้าว" ยิ่ง "เหลือง"พรึ่บ!! เท่าไหร่ ยิ่งรวย..
เปิดอ่าน 27,219 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ