“หมอธีร์” เครียดนอนไม่หลับ ฉุน สพฐ.เซ็นหนังสือโอนงบฯ จัดซื้อครุภัณฑ์ลงเขตพื้นที่ ทั้งที่เพิ่งไล่บี้ให้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากล เรียกบิ๊ก กพฐ.แจงด่วน ก่อนสั่งตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงรวดตั้งแต่รองเลขาฯยันข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ชี้หลายเรื่องสั่งไปจัดการแต่นิ่งเฉย ขู่วันที่ 5 มิ.ย. มีหนาว พร้อมแฉเพิ่ม ผอ.เขตพื้นที่ฯถูกร้องไลน์ชู้สาวกับครูผู้ช่วย ส่งต่อ พล.ท.โกศลสอบเชิงลึก
หลัง นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ออกมาแฉกรณีตรวจสอบพบสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหลายแห่งในภาคอีสานส่อทุจริต โดยเฉพาะการจัดซื้อครุภัณฑ์พัฒนาทักษะ ม.ต้น ชุดอุตสาหกรรมของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 (ยโสธร-ศรีสะเกษ) ที่มีผู้ร้องเรียนว่ามีการล็อกสเปก และ พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีการสอดไส้รายชื่อโรงเรียนเพิ่ม โดยที่โรงเรียนไม่ได้เสนอขอ ขณะที่บางโรงเสนอขอแต่ไม่ได้รับครุภัณฑ์ตามที่เสนอ รมว.ศึกษาธิการได้สั่งให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากล ก่อนที่จะดำเนินการโอนงบประมาณให้เขตพื้นที่นั้น
ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. นพ.ธีระเกียรติให้สัมภาษณ์ว่า ได้มอบหมายให้ พล.ท.โกศลไปรวบรวมข้อมูลเรื่องการจัดซื้อครุภัณฑ์พัฒนาทักษะ ม.ต้น ชุดอุตสาหกรรม ที่จะมีการโอนงบประมาณรวม 279 ล้านบาท ไปให้เขตพื้นที่การศึกษาทั้งหมด มีพ่อค้าให้ข้อมูลว่ามีการล็อกสเปกในการจัดซื้อ เพื่อใช้หลักฐานในการดำเนินการกับบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ที่ทำให้เครียดมากจนนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเพิ่งจะออกมาเปิดเผยถึงความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินการโครงการนี้ คิดว่า สพฐ.น่าจะชะลอเรื่องนี้เพื่อตรวจสอบให้เกิดความกระจ่าง แต่กลับมีการเร่งรัดเซ็นโอนงบประมาณไปให้เขตพื้นที่การศึกษา ถือว่าสวนทางกับนโยบายของตน นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่ได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวจำนวนมาก แต่ยังขอไม่เปิดเผยมากกว่านี้เพราะเกรงว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะไหวตัวทัน
“ผมไม่เข้าใจว่าหลายเรื่องที่ได้มอบให้ สพฐ.ไปดำเนินการตรวจสอบ จัดการกับผู้ที่ทำไม่ถูกต้อง แต่กลับนิ่งเฉยไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งที่หลายเรื่อง พล.ท.โกศลไปตรวจสอบแล้วและพบว่ามีมูลไม่ชอบมาพากลจริง สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผมต้องพิจารณาดูว่าในวันอังคารที่ 5 มิ.ย. ผมอาจจะต้องมีการพิจารณาดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดกับผู้บริหาร สพฐ.” รมว.ศึกษาธิการกล่าวและว่า นอกจากนี้ ยังได้รับการร้องเรียนจากครูผู้ช่วยหญิงรายหนึ่งว่า ถูกผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาส่งข้อความทางแอปพลิเคชันไลน์ส่อไปในทางชู้สาว จึงมอบให้ พล.ท.โกศลไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว
ด้าน พล.ท.โกศลกล่าวว่า นพ.ธีระเกียรติได้เรียกนายณรงค์มาชี้แจ้ง กรณีที่มีการเซ็นอนุมัติงบประมาณในโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์พัฒนาทักษะ ม.ต้น ชุดอุตสาหกรรมให้เขตพื้นที่การศึกษาแล้ว นายณรงค์ได้ชี้แจ้งว่า สาเหตุที่ต้องเซ็นโอนเงินไปให้เขตก่อน เนื่องจากหากมีการเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อเขตพื้นที่ฯจะได้ดำเนินการได้ทันทีไม่ล่าช้า แต่ รมว.ศึกษาธิการเห็นว่าเรื่องดังกล่าวถือว่าขัดกับนโยบาย ที่ต้องการให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างก่อน จึงเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์พัฒนาทักษะ ม.ต้น ชุดอุตสาหกรรม สาเหตุที่ต้องตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องบางรายเป็นข้าราชการพลเรือน ต้องมีการสืบสวนหาข้อมูลให้ชัดเจน โดยจะมีการสืบตั้งแต่นายณรงค์จนถึงข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนกรณีการร้องเรียน ผอ.เขตพื้นที่ฯใช้แอปพลิเคชันไลน์ส่งข้อความถึงข้าราชการครูในเชิงชู้สาว ได้ตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นแล้ว พร้อมมอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกและรายงานให้ทราบโดยเร็วที่สุด
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก ไทยรัฐ วันที่ 1 มิถุนายน 2561
ด้านเดลินิวส์ นำเสนอข่าวนี้ ดังนี้
"ธีระเกียรติ"ฉุนจัดโดนไอ้โม่งล้วงคอ
“เสมา 1” ตามจิกสารพัดทุจริตในกระทรวงศึกษาฯ ใช้มาตรการ คสช.เดินหน้าจัดการรวดเร็ว หลายเรื่องขออุบรายละเอียดหวั่นเกิดการทำลายหลักฐาน
วันนี้(31 พ.ค.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า ล่าสุดวันที่ 31 พ.ค.ตนได้เชิญ พล.ท.โกศล ประชุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศธ. และ ผู้เกี่ยวข้องจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ให้นำข้อมูลต่าง ๆ ที่พล.ท.โกศล ตรวจพบมาดู โดยขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะเดินหน้าตรวจสอบ 3 เรื่อง ซึ่งพบข้อมูลระดับหนึ่งแล้ว บางเรื่องมีมูลชัดเจน เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย โดยตนจะใช้ขั้นตอนที่รวดเร็ว ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่กำหนด ให้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน หากเรื่องใดมีความชัดเจนให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนได้ทันที
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อไปว่า เรื่องที่มีหลักฐานชัด และคิดว่าจะตั้งสอบสวนวินัยได้เร็ว เช่น กรณีที่ผู้ค้าร้องเรียนว่า ขอให้ตรวจสอบการจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น งบประมาณ 6 แสนบาทต่อโรงเรียน ว่าอาจจะมีการล็อกสเป็ก ซึ่งมีการแจ้งจัดสรรใน 458 โรงเรียน งบฯทั้งสิ้น 279 ล้านบาท แต่ภายหลังเมื่อมีการอนุมัติงบฯ พบว่า มีโรงเรียนที่ได้รับการจัดสรรทั้งหมด 600 กว่าโรง ซึ่งตอนนี้หลักฐานทางบัญชี มีหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ เพราะยังมีต้องสืบต่อว่าใครทำอะไร อย่างไรบ้าง หากบอกไปหมดอาจมีการทำลายหลักฐานได้ ขนาดตนเพิ่งเปิดเผยการทุจริตเรื่องนี้ไปเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฎว่า มีคนสั่งให้โอนงบฯ ดังกล่าวให้โรงเรียนแล้ว แต่ฝ่ายคลังของ สพฐ.ไม่ได้โอน ส่วนใครสั่งให้โอนนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่า มือมืดอยู่ที่ไหน
“ตอนแรกผมโกรธมาก ทั้งที่เพิ่งเปิดเผยเรื่องการทุจริตในโครงการนี้ ก็ยังมีไอ้โม่ง สั่งให้โอนเงิน ที่ผมรู้เพราะมีผู้หวังดีมาบอก และส่วนใหญ่เป็นคนในเกือบทั้งนั้น การโกงยุคนี้เป็นการโกงที่ยาก เพราะมีสื่อโซเซียล และคนดีมีมาก สัปดาห์หน้าให้ติดตาม เพราะตอนนี้ผมกำลังไล่แกะรอยการทุจริตทุกระดับ ขอให้ใจเย็น ๆ เดี๋ยวไก่ตื่นหมด”นพ.ธีระเกียรติกล่าวและว่า ส่วนกรณีพบพฤติกรรมของผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) มีการตกเขียว เรียกเงิน 10%จากผู้อำนวยการโรงเรียนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ให้โรงเรียนจ่ายก่อน 5% เมื่อได้รับงบฯ แล้ว ให้จ่ายอีก 5% ในปีงบฯ 2562 นั้น มีหลักฐานทางวาจา แต่ก็ต้องตรวจสอบก่อนเพื่อความรอบคอบ
รมว.ศธ.กล่าวว่า ล่าสุด มีครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ส่งข้อมูล ทางไลน์คนรู้จักตนให้ตรวจสอบ ว่า มีผู้อำนวยการเขตพื้นที่ฯ แห่งหนึ่งส่งไลน์ลวนลามครู และขอนอนด้วย ซึ่งตนได้สั่งการให้
พล.ท.โกศล ตรวจสอบ และส่งเรื่องให้สพฐ. ดำเนินการแล้ว ส่วนจะเป็นพื้นที่ใด นั้นยังไม่ขอเปิดเผย
ด้าน พล.ท.โกศล กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่พัสดุ สพป.นครราชสีมา เขต 5 มีการวางฎีกาเบิกเงินซ้ำ กับเงินที่โรงเรียนได้มีการเบิกจ่ายไปแล้ว โดยตนได้คุยรายละเอียดกับทาง สพฐ.แล้ว เบื้องต้นทราบว่าทางเขตพื้นที่ฯได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และตนได้เห็นของมูลจากเขตพื้นที่ฯ แล้ว จากนี้ต้องไปสอบถามทางศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ว่ามีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยแล้วหรือยังและตั้งสอบใครบ้าง ถ้าโยงไม่ถึงคนที่เกี่ยวข้อง ที่ตนตรวจสอบพบ ก็ต้องให้มีการสอบเพิ่ม
“ทุกสิ้นปีงบฯจะมีงบฯเหลือ คนกลุ่มนี้จะตั้งฎีกาลอย คือ การตั้งเบิกเตรียมไว้ เป็นการเบิกซ้ำซ้อนกับสิ่งที่โรงเรียนได้เบิกไปแล้ว และทำกับร้านประจำ ซึ่งอยู่ในจังหวัด มีการทำหลักฐานไว้ครบถ้วน ชัดเจนถ้าเจ้าหน้าที่พัสดุกับฝ่ายการเงิน ไม่รวมหัวกัน คงทำไม่ได้ จึงชัดเจนว่า เรื่องนี้ทำเป็นกระบวนการ เพราะปกติเจ้าหน้าที่พัสดุ จะไปวางฎีกาเบิกไม่ได้ เรื่องนี้ต้องไปตรวจสอบ แต่ผมตั้งข้อสังเกตว่า การจะทำแบบนี้ผู้บริหารระดับสูงไม่รู้เห็น คงไม่ได้ เพราะเลขรหัสต่างๆ จะมีเพียง ผอ.เขตพื้นที่ฯ และหัวหน้าการเงินและบัญชีเท่านั้น แต่นี่กลายเป็นว่า มีรหัสหลายคน รวมทั้งเจ้าหน้าที่พัสดุ ซึ่งก็คือ ครู แต่อาจไม่รู้เรื่องหรืออาจถูกขโมยรหัสไปก็ได้”พล.ท.โกศลกล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม 2561