“แบงก์กรุงเทพ”พันธมิตรรายล่าสุดร่วมสนับสนุนโรงเรียนร่วมพัฒนา “หมออุดม”เข็นสุดแรงต้องเห็นผลสัมฤทธิ์ให้ได้
วันนี้(30 พ.ค.)ศ.นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School)วันที่ 30 พ.ค. ที่ประชุมได้เห็นชอบรายละเอียดบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาระหว่างภาคเอกชนและโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อทำพิธีลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการ ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีการประกาศรายชื่อภาคเอกชน10 แห่ง และ โรงเรียน 40 โรงที่เข้าร่วมโครงการ แต่ล่าสุดมีภาคเอกชนเสนอเข้าร่วมโครงการเพิ่มอีก 1 แห่ง คือ ธนาคารกรุงเทพ โดยจะร่วมบริหารโรงเรียน 2 โรง คือ โรงเรียนวัดนิเวศวุฒาราม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) นครสวรรค์ เขต 1 และโรงเรียนบางหมาก สพป.ตรัง เขต 2 เท่ากับว่า ขณะนี้มีภาคเอกชนร่วมโครงการ 11 แห่งและโรงเรียน 42 โรง
“ตอนนี้โรงเรียนเปิดเทอมหมดแล้ว กลุ่มโรงเรียนร่วมพัฒนาจะต้องเร่งตั้งคณะกรรมการบริหารสถานศึกษา เพื่อปรับการบริหารงานไปเน้นความคล่องตัวมากขึ้นทั้ง เรื่องบุคลากร งบประมาณ และการจัดการศึกษา โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)จะปลดล็อกระเบียบข้อกฎหมายที่เป็นข้อจำกัดให้ โดยในวันที่ 4 มิ.ย.นี้จะเชิญผู้อำนวยการโรงเรียนทั้ง 42 โรง มาให้ข้อมูลว่าทำอะไรไปบ้าง และมีข้อติดขัดอะไรหรือไม่ พร้อมทั้งมีคณะกรรมการติดตามประเมินและวิจัย รวมถึงเก็บข้อมูลปละประเมินผลตั้งแต่ผู้บริหาร ครู นักเรียน ชุมชน เพื่อดูผลสัมฤทธิ์ในทุกมิติต่อไป” นพ.อุดม กล่าวและว่า โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา ถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการปฏิรูปการศึกษา ที่ ศธ.จะต้องทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ให้ได้
ด้าน นายมีชัย วีระไวทยะ คณะกรรมการพัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษาในรูปแบบโรงเรียนร่วมพัฒนา กล่าวว่า โรงเรียนร่วมพัฒนาจะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของทุกคน ทั้งเรื่องกฎหมาย อาชีพ สุขภาพ และเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งชุมชนตนเองและชุมชนใกล้เคียง ให้รอดพ้นจากความยากจน ขณะที่นักเรียนก็จะมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนและการจัดการในโรงเรียนด้วย โดยจะมีการจัดตั้งองค์การบริหารหมู่บ้านเยาวชนขึ้นเพื่อให้เยาวชนร่วมกำหนดวางแผนดูแลชุมชนได้
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์ วันพุธที่ 30 พฤษภาคม 2561