จากสภาพปัญหาที่หลากหลาย มากมาย จนดูเหมือนว่าการศึกษาของบ้านเราลดน้อย หรือถอยหลังลงไปนั้น จริงๆ แล้วอาจจะมีหลายปัจจัยที่เราอาจจะไม่ได้คำนึงถึง เช่น การที่เราคิดว่าระบบการศึกษาบ้านเราถอยหลัง อาจจะเป็นเพราะระบบการศึกษาของโลกเค้าพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ระบบการศึกษาของประเทศเพื่อนบ้าน มีการใช้นโยบายอย่างเอาจริงเอาจังกับการศึกษา ประเทศเราก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าการศึกษาในบ้านเราไม่พัฒนา แต่การศึกษาในบ้านเรา อยู่ในยุค "การศึกษาครอบคลุม" กล่าวคือ เรามีการขยายโอกาสทางการศึกษา มีการให้นโยบายที่จะให้ทุกคนมีโอกาสได้เรียนหนังสือ ว่ากันง่ายๆ คือ เรากำลังขยายกิจการการศึกษาลงไปให้กับคนทั้งหมดของประเทศ ในเชิงปริมาณ แต่ว่ามันไม่ได้มีการแปรผันตรงกับคุณภาพเลยแม้แต่น้อย ภาพรวมของการจัดการศึกษา จึงขึ้นอยู่กับผลสัมฤทธิ์รวมของทั้งประเทศ ซึ่งจำนวนตัวหารมีเพิ่มขึ้น แต่เดิมเรามีผู้ที่เรียนหนังสือด้วยความตั้งใจมาก แต่จำนวนที่เข้าเรียนน้อย ผลรวมออกมาดีหากคิดเป็นร้อยละ ปัจจุบัน หากคิดในภาพรวมแล้ว เรายังด้อย หรือพัฒนาไปได้ช้ากว่าเดิม
ทั้งนี้ทั้งนั้น การมุ่งเน้นให้ประชากรทุกคนได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันนั้น เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดอย่างไม่มีใครปฏิเสธได้ ในการที่จะทำให้ประเทศชาติก้าวสู่ความเป็นศิวิไลซ์ แข่งขันกับโลกได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร แต่ในช่วงแรก เราก็คงจะตะกุกตะกักกันบ้าง สะดุดขาตัวเองบ้าง ก็เป็นธรรมดา หากจะมองกันลึกๆ แล้วปัญหาของการศึกษาในบ้านเรา ปัญหาใหญ่ก็คงน่าจะเริ่มต้นมาจาก "ครู" ซึ่งปัจจุบันเราขาดแคลนอัตรากำลังครูเป็นอย่างมาก ท่านลองคิดดู ถ้าโรงเรียนๆ หนึ่ง มีครูเพียง 3 ท่าน แต่เปิดสอน 6 ระดับ การศึกษาจะเจริญได้อย่างไร ครูที่จบสาขาวิชาหนึ่ง แต่ต้องไปสอนอีกสาขาวิชาหนึ่ง การศึกษาจะเจริญได้อย่างไร ครูที่มีหนี้สินมากมาย แต่ละวัน แต่ละเดือน ก็ต้องคิดถึงเรื่องที่จะหาเงินมาปลดหนี้ให้กับตัวเองอย่างปฏิเสธไม่ได้ แล้วการศึกษาจะเจริญได้อย่างไร
การแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ น่าจะมีในนโยบายการบริหารงานระดับชาติเสียด้วยซ้ำไป เราไม่ต้องตั้งเป้าว่าเราจะสอนเด็กให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง เรียนคณิตศาสตร์เก่งๆ วิทยาศาสตร์เก่งๆ ทั้งๆ ที่เราก็ยังขาดแคลนครูคณิตศาสตร์ ครูวิทยาศาสตร์เก่งๆ ใช่ไหมครับ คนธรรมดาจะสอนให้คนธรรมดาเก่งได้อย่างไร ก็น่าคิด ถ้าคิดจะยกระดับ ก็ต้องยกระดับทั้งครูและนักเรียน ระดับความคิด สติปัญญาให้สูงขึ้นไปพร้อมๆ กัน เช่น ครูที่ทำหน้าที่สอนคอมพิวเตอร์ จะต้องรู้และใช้งานคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะสอนนักเรียนให้ใช้คอมพิวเตอร์เป็นได้ ครูคณิตศาสตร์ จะต้องแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์ได้อย่างคล่องแคล่ว จึงจะสอนให้นักเรียนรู้จักวิธีแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ได้ เป็นต้น ครูจะต้องมีความเชียวชาญในเนื้อหาวิชาที่สอน ครูจะต้องใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้เป็น นี่คือสิ่งที่น่าจะต้องเร่งพัฒนาไปพร้อมๆ กันกับการยกระดับการศึกษา ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ ท่านคงจะต้องเร่งแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ด้วย จะออกมาในเชิงนโยบาย หรือกลยุทธ์ก็รับได้ทั้งนั้น เชื่อว่า ครูทุกคนรอที่จะได้รับการพัฒนาอยู่ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการสอนนักเรียน เพื่อพัฒนาการศึกษาในบ้านเราให้เจริญขึ้นไป นโยบายเดิมๆ ของรัฐบาลก่อนๆ ที่ดีก็ควรที่จะสานต่อ นโยบายที่ไม่ดี ก็ควรที่จะได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น อย่าเพียงเพราะว่า เมื่อเปลี่ยนหัว ตัวก็ขาด หางก็สะบัด
บก.ตาหวาน