นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ครั้งที่ 12/2561 เมื่อวันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม 2561 ว่าที่ประชุมได้รับทราบแนวทางการตั้งกระทรวงใหม่โดยให้การอุดมศึกษาเป็นหลักในการดำเนินงาน คาดว่าจะใช้ชื่อ "กระทรวงอุดมศึกษา นวัตกรรม วิจัย และวิทยาศาสตร์" (Ministry of Higher Education, Innovation, Research and Science)
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (28 พ.ค.61) ได้หารือในที่ประชุมเกี่ยวกับการตั้งกระทรวงใหม่ และกระแสข่าวการรวมกระทรวงอุดมศึกษาและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนหน่วยงานด้านการวิจัย ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องกันอย่างชัดเจนแล้วว่าให้การอุดมศึกษาเป็นหลักในการดำเนินงาน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรวมงานทั้งทางด้านอุดมศึกษา การวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ เช่น สังคมศาสตร์ ซึ่งมีงานวิจัยและนวัตกรรมทางสังคม ที่เป็นการบูรณาการการทำงานของทุกฝ่ายที่มีบทบาทสำคัญต่อประเทศอยู่แล้ว แต่ให้มาดำเนินภารกิจที่มีเป้าหมายภายใต้กระทรวงเดียวกัน
ในเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ชื่อ "กระทรวงอุดมศึกษา นวัตกรรม วิจัย และวิทยาศาสตร์" (Ministry of Higher Education, Innovation, Research and Science) ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลที่ประเทศส่วนใหญ่เช่น ประเทศในแถบยุโรป จะขึ้นต้นชื่อกระทรวงว่า “Ministry of Higher Education”
ทั้งนี้ ได้มอบให้ ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ และฝ่ายอุดมศึกษา ทำความเข้าใจร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สถาบันอุดมศึกษา กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ต่อไปด้วย
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจากนี้จะได้มีการหารือร่วมกับนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) รวมทั้งที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล รวมไปถึง สกว. และ วช. เพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียดของการตั้งกระทรวงใหม่ ให้แล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้
จึงขอให้ทุกคนมองภาพใหญ่ร่วมกัน เพราะทุกหน่วยงานที่เข้ามารวมกัน ล้วนมีความสำคัญทุกส่วน ทั้งด้านวิจัย นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ จึงจำเป็นจะต้องวางแนวทางการทำงานให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อตอบยุทธศาสตร์ชาติ และช่วยผลักดันการปฏิรูปการศึกษาและการวิจัยไปพร้อมกัน โดยการขับเคลื่อนการอุดมศึกษาจะเป็นพื้นฐานใหญ่ เริ่มจากการสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ การศึกษาวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ นำไปสู่การสร้างนวัตกรรม เพื่อพัฒนาประเทศในทุก ๆ ด้าน
ในส่วนของการอุดมศึกษา รูปแบบการทำงานจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน โดยเฉพาะสถาบันอุดมศึกษาต้องปรับตัวให้สามารถทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน ไม่มีใครเก่งที่สุด แต่ทุกฝ่ายจะต้องเดินไปด้วยกัน และรัฐบาลก็ต้องสนับสนุนงบประมาณอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถผลิตงานวิจัยที่ตอบโจทย์ 10 อุตสาหกรรมหลัก ยุทธศาสตร์ชาติ และสู่มาตรฐานระดับสากล
"ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับกรอบเวลาการทำงานอีก 8 เดือนที่เหลือว่าจะตั้งกระทรวงใหม่ได้ทันก่อนการเลือกตั้งหรือไม่นั้น เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ เพราะมีการวางกรอบระยะเวลาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยการร่างกฎหมายหลักในการดำเนินงานทั้ง 2 ฉบับ มีความก้าวหน้าไปมาก ทั้งด้านอุดมศึกษา พ.ร.บ.กระทรวงอุดมศึกษา พ.ศ. .... (โดย ศธ.) ซึ่งผ่านความเห็นชอบของภาคอุดมศึกษาและรับฟังประชาพิจารณ์แล้ว และด้านการวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับแก้ร่าง พ.ร.บ.การวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... (โดย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี) และเมื่อกฎหมายแล้วเสร็จ จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้ อีกทั้งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เตรียมตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อพิจารณาในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างเร่งด่วน เพื่อเตรียมนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป" นพ.อุดม กล่าว
Written by ปารัชญ์ ไชยเวช, นวรัตน์ รามสูต
Photo Credit อิทธิพล รุ่งก่อน, กิตติกร แซ่หมู่
Rewriter นวรัตน์, บัลลังก์
Editor บัลลังก์ โรหิตเสถียร
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 28 พฤษภาคม 2561